Category Archives: Services

ตรวจสอบรับรองการจัดการพลังงาน

ตรวจสอบรับรองรายงานพลังงาน

คลิ๊กเพื่อขอใบเสนอราคา

ตรวจสอบรับรองการจัดการพลังงานกับ EFC

ผู้ตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงานจาก EFC เป็นผู้ที่มีประสบการณ์และความรู้ทางด้านอนุรักษ์พลังงานและการจัดการพลังงานมาอย่างยาวนาน มีประสบการณ์ในการจัดทำระบบการจัดการพลังงานและการอนุรักษ์พลังงานในโรงงาน/อาคารทั้งใหญ่และเล็ก กว่า 100 แห่ง พัฒนาบุคลากรทางด้านพลังงานมาแล้วกว่า 2,500 คน พร้อมทั้งได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ชำนาญการตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน กับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน จึงมั่นใจได้ว่าสถานประกอบการของท่านจะได้รับความรู้ ข้อคิดและประสบการณ์ รวมถึงแนวคิดในการประหยัดและพัฒนาระบบการจัดการพลังงานที่เหมาะสม จากการดำเนินการของเรา

ใบอนุญาต_บ.0177

ที่มาและความสำคัญ

พระราชบัญญัติการส่งเสริมอนุรักษ์การพลังงาน พ..๒๕๓๕ (ฉบับแก้ขเพิ่มเติม ๒๕๕๐)

นับตั้งแต่พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.๒๕๓๕ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๓๕ เป็นต้นมา กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้เล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และเพื่อให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน จึงได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.๒๕๓๕ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ๒๕๕๐) ซึ่งมีผลบังคับใช้วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๑

ตามประกาศกระทรวงเรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการจัดการพลังงานในโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม พ.ศ. ๒๕๕๒ หมวดที่ ๕ ข้อ ๒๑ ได้ระบุไว้ว่าให้เจ้าของโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมต้องจัดทำระบบการจัดการพลังงานและรายงานการจัดการพลังงานขึ้น หลังจากนั้นต้องมีการตรวจสอบและรับรองระบบการจัดการพลังงานดังกล่าว จากทีมผู้ตรวจสอบจากภายนอกที่มีใบอนุญาตตรวจสอบตามกฎหมาย โดยต้องส่งรายงานการจัดการพลังงานและรายงานการตรวจสอบฯ ให้กับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ภายในเดือนมีนาคมของทุกปี

โดยกำหนดไว้ว่า “โรงงานและอาคารที่มีลักษณะ ต่อไปนี้เป็นอาคารและโรงงานควบคุม” คือ

  1. ติดตั้งเครื่องวัดไฟฟ้าตั้งแต่ 1000 กิโลวัตต์ขึ้นไป
  2. ติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าที่มีขนาดตั้งแต่ 1175 กิโลโวลต์แอมแปร์ขึ้นไป
  3. มีการใช้ไฟฟ้า ไอน้ำและพลังงานสิ้นเปลืองรวมกันคิดเป็นพลังงานความร้อนตั้งแต่ 20 ล้านเมกะจูลขึ้นไป

วัตถุประสงค์

  1. เป็นการดำเนินการตาม พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.๒๕๓๕ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๕๐)
  2. พัฒนาระบบการจัดการพลังงานจากการตรวจสอบจากภายนอก
  3. ทุกภาคส่วนขององค์ได้มีส่วนร่วมขับเคลื่อนระบบการจัดการพลังงานให้ดียิ่งขึ้นไป
  4. ลดต้นทุนพลังงานเพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันทางด้านธุรกิจ
  5. เกิดการพัฒนาระบบการจัดการพลังงานอย่างต่อเนื่อง

รายละเอียดและขอบเขตงาน

ตรวจสอบระบบการจัดการพลังงานทั้ง 8 ขั้นตอนตามความสอดคล้องกับ พรบ ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน

  1. การแต่งตั้งคณะทำงานด้านการจัดการพลังงาน
  2. การประเมินสถานภาพการจัดการพลังงานเบื้องต้น
  3. การกำหนดนโยบายอนุรักษ์พลังงาน
  4. การประเมินศักยภาพการอนุรักษ์พลังงาน
  5. การกำหนดเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน และแผนการฝึกอบรมและกิจกรรมส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
  6. การดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน และการตรวจสอบและวิเคราะห์การปฏิบัติตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน
  7. การตรวจติดตามและประเมินการจัดการพลังงาน
  8. การทบทวน วิเคราะห์และแก้ไขข้อบกพร่องของการจัดการพลังงาน

เราแตกต่างจากผู้ตรวจรายอื่นอย่างไร

การทำระบบการจัดการพลังงานนั้น มีขั้นตอนการทำทั้งหมด 8 ขั้นตอน โดยดำเนินการตามกฎกระทรวงและประกาศกระทรวงที่ออกมาในปี 2552 ซึ่งมีรายละเอียดค่อนข้างมากในระบบ(ตามวงกลมสีฟ้าทั้งหมด) แต่การตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงานจากผู้ตรวจสอบฯภายนอกนั้น ตามกฎหมายกำหนดให้ผู้ตรวจสอบฯ มาทำการตรวจความสอดคล้องของระบบตามประกาศกระทรวงฯ หมวด 5 ข้อ 24 (3) (ก), (ข) เท่านั้นซึ่งถือว่าเป็นการตรวจสอบฯในวงกลมสีแดงบางส่วนของระบบเท่านั้น ไม่ได้เป็นการตรวจสอบทั้งระบบ ตามกฎหมายระบุการตรวจสอบฯที่เป็นตะแกรงร่อนพื้นฐานเพียงเท่านั้น

ผู้ตรวจสอบฯบางรายที่ไม่เชี่ยวชาญระบบการจัดการพลังงานอาจจะไม่ได้อยู่ในสายงานพลังงานโดยตรง ก็จะตรวจสอบเพียงในแค่วงกลมสีแดงเท่านั้น ไม่ได้ดูทั้งระบบ

สำหรับทีมงานของ EFC เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญมีประสบการณ์ทางด้านการอนุรักษ์พลังงานโดยตรงมาอย่างยาวนาน จะดำเนินการตรวจประเมินนอกเหนือจากวงกลมสีแดง และจะแนะนำการพัฒนาระบบ มาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และสิ่งต่างๆที่เป็นประโยชน์อย่างเหมาะสมให้กับสถานประกอบการซึ่งสามารถทำได้และเห็นผลจริง เพื่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานอย่างยั่งยืนในองค์กรสืบต่อไป

ประโยชน์ที่จะได้รับ

  • บริษัทจะได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.๒๕๓๕ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๕๐)
  • พัฒนาระบบการจัดการพลังงานผ่านกระบวนการ ตรวจสอบจากผู้ตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงานจากภายนอก
  • ผลการตรวจรับรองการจัดการพลังงานที่ชัดเจน แม่นยำ โดยใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด
  • การ ระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้พนักงานในองค์กรได้มีส่วนร่วมในระบบการจัดการพลังงาน
  • ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานจากมาตรการอนุรักษ์พลังงานที่เหมาะสม และ เพิ่มโอกาสทางการวางนโยบายทางการตลาดให้มีความยืดหยุ่นจากต้นทุนการประกอบการที่ลดลง เพื่อเพิ่มความได้เปรียบเหนือคู่แข่งทางการค้าได้
  • ข้อเสนอแนะ ข้อแนะนำ ที่เป็นประโยชน์ ที่เกี่ยวข้องกับระบบการจัดการพลังงาน ทั้งในเชิงเทคนิคและระบบการบริหารจัดการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานในองค์กร จากผู้ตรวจรับรองมีประสบการณ์การทำงานด้านการจัดการพลังงานมาอย่างยาวนาน

ตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน

รูปแบบการตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน

ตรวจรับรองตามมาตรฐานระบบการจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอน

ตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน

ตรวจสอบรับรองการจัดการพลังงาน

ตรวจสอบรายงานพลังงาน


การตรวจสอบรับรองการจัดการพลังงานมีเกณฑ์ในการตัดสินอย่างไร?

1.) ความสอดคล้องกับข้อกำหนดของวิธีการจัดการพลังงานการตัดสินใจว่าประเด็นใดสอดคล้องกับข้อกำหนดวิธีการจัดการพลังงานก็ต่อเมื่อผลการปฏิบัติต้องสอดคล้องกับข้อกำหนด

  • โดยมีหลักฐานที่เกี่ยวกับการสัมภาษณ์บุคคลที่รับผิดชอบหรือเกี่ยวข้อง
  • ดูเอกสารบันทึก
  • ดูจากสถานที่ปฏิบัติจริงแล้วเหมาะสมถูกต้อง

2.) ประเภทของความไม่สอดคล้องกับวิธีการจัดการพลังงาน

  • ร้ายแรง (Major) คือ ไม่มีเอกสารในการจัดการพลังงาน หรือ บุคคลส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องการจัดการพลังงาน หรือ  ไม่มีหลักฐานการปฏิบัติในเรื่องต่าง ๆ ตามที่ข้อกำหนดวิธีการจัดการพลังงานระบุไว้โดยสิ้นเชิง
  • ไม่ร้ายแรง (Minor) คือ ความไม่สอดคล้องของเอกสารกับการปฏิบัติจริง ไม่สอดคล้องหรือมีความคลาดเคลื่อนในเชิงปฏิบัติบางส่วน

3.)  ข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุง  ทีมงานผู้ตรวจสอบพลังงานเสนอแนะข้อแนะนำในการปรับปรุงการดำเนินการให้แก่เจ้าของโรงงานในกรณี

  • ที่โรงงานควบคุมนั้นปฏิบัติหรือดำเนินวิธีการจัดการพลังงานยังไม่สอดคล้องกับข้อกำหนด ในกรณีที่ดำเนินวิธีการจัดการพลังงานแล้ว โดยไม่พบข้อบกพร่อง แต่มีโอกาสที่จะปรับปรุงการดำเนินการให้ดียิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่เดิม

4.)  การตัดสินผลการตรวจสอบการจัดการพลังงาน

  • กรณีที่ผลการตรวจสอบสอดคล้องกับวิธีการจัดการพลังงานทั้งหมดทุก ๆ ข้อกำหนดที่ตรวจให้ตัดสินผล “ผ่านการตรวจสอบ”
  • กรณีที่พบความไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดเป็นประเภทไม่ร้ายแรง (Minor) ให้ระบุผลการตรวจสอบ “ผ่านการตรวจสอบแต่ต้องแก้ไข” ซึ่งโรงงานควบคุม/อาคารควบคุมต้องแก้ไข โดยส่งหลักฐานเป็นเอกสาร หรือรูปถ่ายเพิ่มเติมก็ได้
  • กรณีที่พบความไม่สอดคล้องเป็นประเภทร้ายแรง (Major) ในข้อกำหนดใดข้อกำหนดหนึ่งเท่านั้นให้ตัดสินผลการตรวจสอบ “ไม่ผ่านการตรวจสอบ”

เตรียมความพร้อมอย่างไรก่อนการตรวจสอบรับรองการจัดการพลังงาน

ในการตรวจสอบแต่ละขั้นตอนนั้น ทางบริษัทฯที่ได้รับการตรวจสอบ ควรน้นที่จะทำให้ไม่เกิดความไม่สอดคล้องที่ร้ายแรงขึ้น(Major) หรือเรียกง่ายๆว่าจะทำอย่างไรก็ได้เพื่อไม่ให้ผลการตรวจสอบแต่ขั้นตอนออกมาเป็น Major นั่นเอง

แค่นี้บริษัทของท่านก็สามารถผ่านการรับรองแล้ว

คลิ๊กเพื่อขอใบเสนอราคา


อบรมด้านพลังงาน

training_efc2021

ฝึกอบรมอนุรักษ์พลังงาน และการจัดการพลังงาน

EFC ให้บริการฝึกอบรมพลังงาน เน้นสนุกมีสาระ ทำ Workshop เพิ่มความเข้าใจ ประยุกต์ใช้ได้จริง

การฝึกอบรมมีการให้บริการ 2 รูปแบบด้วยกัน

  1. การจัดฝึกอบรมแบบ Online Live-streaminig ผ่านโปรแกรม Microsoft Team หรือ Zoom ให้กับบุคลากรภายในองค์กรของท่าน
  2. การจัดฝึกอบรมในสถานประกอบการของท่าน In-house training

ทุกหลักสูตรออกแบบเชิงบูรณาการให้พนักงานทุกท่านมีส่วนร่วม เน้นสนุกมีสาระ มี Workshop มีของรางวัลร่วมสนุก และรับชมวิดีโอการบรรยายย้อนหลังได้สำหรับคอร์สออนไลน์

—> ติดต่องานอบรม โทร. 081-308-2355, 082-452-8909 <—



หลักสูตรเหมาะสำหรับ: พนักงานทั่วไป หัวหน้างาน

EFC-A-01 : หลักสูตรการสร้างจิตสำนึกสนุกรักษ์พลังงาน (Fun Energy Awareness) – 3 ชม

EFC-A-02 : การสร้างจิตสำนึกสนุกรักษ์พลังงาน + กิจกรรมกลุ่มย่อย (Small Group Activity: SGA) เพื่อหามาตรการอนุรักษ์พลังงานเบื้องต้นในองค์กร – 6 ชม

หลักสูตรเหมาะสำหรับ: ผู้จัดการหัวหน้างาน คณะทำงานฯ ผู้ตรวจประเมินฯ ผู้รับผิดชอบพลังงาน

EFC-B-01 : การจัดทำรายงานการจัดการพลังงานตามกฎหมาย (ฟอร์มใหม่) – 3 ชม

EFC-B-02 : กฎหมาย พ.ร.บ. ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน การสร้างและดำเนินการการจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอน  + การจัดทำรายงานการจัดการพลังงานตามกฎหมาย (ฟอร์มใหม่และ e-form) – 6 ชม

EFC-B-03 : กฎหมาย พ.ร.บ. ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน การสร้างและดำเนินการการจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอน  + การตรวจประเมินการจัดการพลังงานภายในองค์กร (Internal Auditและ e-form) – 6 ชม

EFC-B-04 : การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในองค์กร + เทคนิคการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์ในภาคพลังงาน – 6 ชม

หลักสูตรเหมาะสำหรับ : วิศวกร ช่างเทคนิค ผู้รับผิดชอบพลังงาน

EFC-C-01 : เทคนิคประหยัดค่าไฟฟ้าในองค์กร + เทคนิคอนุรักษ์พลังงานในหม้อแปลงไฟฟ้าและมอเตอร์ไฟฟ้า – 3 ชม

EFC-C-02 : การปรับปรุงประสิทธิภาพและเทคนิคอนุรักษ์พลังงานในเครื่องอัดอากาศ (Air Compressor) และระบบอากาศอัด – 3 ชม

EFC-C-03 : การปรับปรุงประสิทธิภาพและเทคนิคอนุรักษ์พลังงานในเครื่องทำความเย็น (Chiller) หอผึ่งลมเย็น (Cooling Tower) และระบบปรับอากาศ – 3 ชม

EFC-C-04 : การปรับปรุงประสิทธิภาพและเทคนิคอนุรักษ์พลังงานในหม้อไอน้ำ (Boiler) และระบบไอน้ำ – 3 ชม

หลักสูตรเหมาะสำหรับ: ผู้บริหารระดับกลาง คณะทำงานฯ ผู้รับผิดชอบพลังงาน

EFC-D-01 : การติดตามสมรรถนะทางด้านพลังงาน  (EnPI) โดยใช้เทคนิค CUSUM ให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้+ เทคนิคการเลือก Energy Target ให้เหมาะสมต่อองค์กร – 6 ชม


EFC-A-01 : การสร้างจิตสำนึกสนุกรักษ์พลังงาน (Fun Energy Awareness) – 3 ชั่วโมง

หลักการอนุรักษ์พลังงานที่ง่ายที่สุดเรียกว่า House Keeping คือการที่พนักงานทุกคนในสถานประกอบการของท่านร่วมแรงร่วมใจกัน ช่วยกันลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นและลดการสูญเสียการใช้พลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์ การอบรมจะเน้นที่ความสนุกและเสียงหัวเราะจากพนักงาน นั่นคือพื้นฐานในการอนุรักษ์พลังงานอย่างยั่งยืน

ฝึกอบรมอนุรักษ์พลังงาน

อบรมพลังงานออนไลน์

ฟังดูแล้วเป็นเรื่องที่ง่ายและแทบไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แต่หลายๆสถานประกอบการกลับพบกับอุปสรรคในการอนุรักษ์พลังงานในรูปแบบนี้ ปัจจัยสำคัญมาจาก พนักงานมีความรู้ความเข้าใจทางด้านการอนุรักษ์พลังงานไม่เพียงพอ การให้ความสำคัญที่ค่อนข้างน้อยนี้เอง จึงนำไปสู่การใช้พลังงานบางส่วนที่เกินความจำเป็นและต้นทุนพลังงานสูงขึ้น ดังนั้นควรมุ่งเน้นไปที่การให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าและพลังงานต่างๆ เพื่อให้มีความเข้าใจถึงหลักการการพลังงานให้คุ้มค่าอย่างแท้จริง

วัตถุประสงค์

เพื่อทำให้พนักงานได้มีความรู้และเข้าใจถึงการใช้พลังงานในองค์กรอย่างรู้คุณค่า สอดแทรกความสนุกแบบมีสาระ สร้างจิตสำนึกอนุรักษ์พลังงานและสามารถมีส่วนร่วมในการประหยัดพลังงานจากพนักงานทุกระดับ ซึ่งส่งผลให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานในองค์กรอย่างยั่งยืน

 ประโยชน์ที่ได้รับ

  • เข้าใจความหมายและความเป็นมาในการอนุรักษ์พลังงานภายในองค์กร รวมทั้งผลกระทบและความสูญเสียในการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง
  • มีความรู้ทางด้านการอนุรักษ์พลังงานเบื้องต้นที่จำเป็นสำหรับลดการใช้พลังงานในองค์กร
  • มีส่วนร่วมในการประหยัดพลังงานและทริคการประหยัดพลังงานเบื้องต้น ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่และหน่วยงานของตน
  • มีความเข้าใจที่ถูกต้องต่อการใช้พลังงานในองค์กรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
  • มีจิตสำนึกสนุกรักษ์พลังงาน สร้างพื้นฐานการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนภายในองค์กร

 เนื้อหาหลักสูตร

  • สร้างจิตสำนึกอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม
  • ความสำคัญของพลังงาน
  • สถานการณ์พลังงานใน อดีต ปัจจุบันและอนาคต
  • เทคนิคอย่างง่ายสำหรับการประหยัดพลังงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายขององค์กร
  • ตัวอย่างและกรณีศึกษา
อบรมอนุรักษ์พลังงาน

R1007338

R1007562


EFC-A-02 : การสร้างจิตสำนึกสนุกรักษ์พลังงาน + กิจกรรมกลุ่มย่อย (Small Group Activity: SGA) เพื่อหามาตรการอนุรักษ์พลังงานเบื้องต้นในองค์กร – 6 ชั่วโมง

จินตนาการสำคัญกว่าความรู้

เมื่อสถานประกอบการของท่านสร้างจิตสำนึกทางด้านการอนุรักษ์พลังงานอย่างทั่วถึงแล้ว พนักงานทุกรับดับมีความรู้ทางด้านการอนุรักษ์พลังงานขั้นพื้นฐาน จนสามารถเริ่มมีแนวคิดการประหยัดพลังงานได้ในระดับหนึ่ง

อบรมอนุรักษ์พลังงาน2

การคิดหามาตรการอนุรักษ์พลังงานใหม่ๆ อาจจะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์จากบุคลากรของท่านเป็นอย่างมาก EFC จึงได้มีแนวคิดที่จะดำเนินกิจกรรมที่จะช่วยกระตุ้นให้บุคลากรทุกคนในองค์กรมีส่วนร่วมให้มากยิ่งขึ้นและให้เกิดแนวคิดที่จะประหยัดพลังงานในพื้นที่ที่ตัวเองทำงานอยู่ การดำเนินกิจกรรมสำหรับทีมงานกลุ่มย่อยในการหามาตรการอนุรักษ์พลังงานจะเน้นที่ความสนุกสนานและสามารถใช้งานได้จริง การที่ความคิดสร้างสรรค์นั้นถูกคิดขึ้นจากบุคลากรภายใน จะทำให้บุคลากรเหล่านั้นเป็นส่วนช่วยสนับสนุนให้องค์กรมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน

วัตถุประสงค์

เพื่อทำให้พนักงานได้มีความรู้และเข้าใจถึงการใช้พลังงานในองค์กรอย่างรู้คุณค่า สอดแทรกความสนุกแบบมีสาระ สร้างจิตสำนึกอนุรักษ์พลังงานและสามารถมีส่วนร่วมในการหามาตรการประหยัดพลังงานจากพนักงานทุกระดับจากกิจกรรมกลุ่มย่อย ซึ่งส่งผลให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานในองค์กรอย่างยั่งยืน

 ประโยชน์ที่ได้รับ

  • เข้าใจความหมายและความเป็นมาในการอนุรักษ์พลังงานภายในองค์กร รวมทั้งผลกระทบและความสูญเสียในการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง
  • มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์พลังงานเบื้องต้น
  • มีเทคนิคการประหยัดค่าไฟที่จำเป็นสำหรับลดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานในองค์กร
  • มีส่วนร่วมในการหามาตรการประหยัดพลังงาน ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่และหน่วยงานของตน
  • มีไอเดียมาตรการอนุรักษ์พลังงานเบื้องต้นจากกิจกรรมกลุ่มย่อย เพื่อต่อยอดการลดการใช้พลังงานในองค์กร
  • มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงาน สร้างพื้นฐานการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนภายในองค์กร

เนื้อหาหลักสูตร

  • สร้างจิตสำนึกอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม
  • ความสำคัญของพลังงาน
  • สถานการณ์พลังงานใน อดีต ปัจจุบันและอนาคต
  • เทคนิคอย่างง่ายสำหรับการประหยัดพลังงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายขององค์กร
  • ตัวอย่างและกรณีศึกษา
  • กิจกรรมสำหรับทีมงานกลุ่มย่อยเพื่อหามาตรการอนุรักษ์พลังงาน
  • การรวบรวมข้อมูล ตั้งเป้าหมาย ติดตามและประเมินผล
R1007560

R1008005


EFC-B-01 : การจัดทำรายงานการจัดการพลังงานตามกฎหมาย (ฟอร์มใหม่และ e-form) – 3 ชั่วโมง

รายงานการจัดการพลังงานนั้นถือว่าเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการทำระบบการจัดการพลังงานตามกฎหมาย มีความสำคัญอยู่ 2 ประการด้วยกัน ได้แก่

1.รายงานทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลการใช้พลังงาน มาตรการอนุรักษ์พลังงานและส่วนต่างๆที่สำคัญต่อการนำไปต่อยอดใช้ประโยชน์ในการลดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานของสถานประกอบการ 2.รายงานจะต้องถูกตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงานจากผู้ตรวจสอบฯจากภายนอกและต้องส่งให้กับหน่วยงานภาครัฐ

ดังนั้นการกรอกข้อมูลลงในรายงานการจัดการพลังงานฟอร์มใหม่ให้ถูกต้องนั้นเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก แต่ฟอร์มรายงานมีรายละเอียดในการกรอกค่อนข้างมากและซับซ้อน

EFC จึงได้ออกแบบหลักสูตรอธิบายการกรอกข้อมูลลงในรายงานฟอร์มใหม่แบบง่ายๆ ทีละขั้นตอน (Step by Step) เพื่อให้บุคลากรที่ทำรายงานนั้นได้กรอกข้อมูลอย่างถูกต้องครบถ้วน และเข้าใจความหมายของข้อมูลที่ใส่ลงไป สุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้ออกมาจากตัวรายงานนั้น สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการลดการใช้พลังงานต่อไปได้

วัตถุประสงค์

เพื่อทำให้คณะทำงานด้านการจัดการพลังงานได้มีความรู้และเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.๒๕๓๕ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๕๐) และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ทราบรายละเอียดในการสร้างและการดำเนินการการจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอนตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีความรู้ ความเข้าใจในการดำเนินการจัดทำรายงานการจัดการพลังงานให้สอดคล้องกับที่กฎหมายระบุได้อย่างถูกต้องครบถ้วน ซึ่งสามารถทำให้เกิดการพัฒนาทางด้านการจัดการพลังงานอย่างต่อเนื่องและมั่นคง

ประโยชน์ที่ได้รับ

  • ทราบวิธีการกรอกรายงานการจัดการพลังงานอย่างครบถ้วน
  • ทราบกฎหมายการอนุรักษ์พลังงานที่เกี่ยวข้องกับสถานประกอบการ
  • ทราบหลักการระบบการจัดการพลังงานพลังงาน 8 ขั้นตอน
  • ดำเนินการจัดทำรายงานการจัดการพลังงานให้สอดคล้องกับที่กฎหมายระบุได้อย่างถูกต้องครบถ้วน
  • สามารถนำผลลัพธ์จากรายงานฯไปพัฒนาระบบการจัดการพลังงานและอนุรักษ์พลังงาน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานในองค์กรได้

เนื้อหาหลักสูตร

  • พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
  • การจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอน
  • การกรอกข้อมูลลงในรายงานการจัดการพลังงานฟอร์มใหม่และ e-form อย่างถูกต้องครบถ้วน
  • Workshop กรอกข้อมูลการทำรายงาน

EFC-B-02 : กฎหมาย พรบ การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน การสร้างและดำเนินการการจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอน + การจัดทำรายงานการจัดการพลังงานตามกฎหมาย (ฟอร์มใหม่และ e-form) – 6 ชั่วโมง

EFC เล็งเห็นการสร้างระบบบริหารและจัดการพลังงานในองค์กร เป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาระบบการจัดการพลังงานตาม พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.๒๕๓๕ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๕๐) ซึ่งมุ่งเน้นในการสร้างระบบให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืน

หลักสูตรนี้จะมุ่งเน้นให้คณะทำงานฯ รวมถึงผู้รับผิดชอบพลังงานได้มีส่วนร่วมและมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายทางด้านการอนุรักษ์พลังงานและการจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอนอย่างเข้าถึง พร้อมด้วยการชี้ให้เห็นถึงผลประโยชน์ที่ทางสถานประกอบการจะได้รับจากการทำการระบบการจัดการพลังงาน

การจัดการพลังงาน

นอกจากนี้จากความยุ่งยากและซักซ้อนในการกรอกรายงานการจัดการพลังงาน EFC จึงได้ออกแบบหลักสูตรอธิบายการกรอกข้อมูลลงในรายงานฟอร์มใหม่และ e-form แบบง่ายๆ ทีละขั้นตอน (Step by Step) เพื่อให้บุคลากรที่ทำรายงานนั้นได้กรอกข้อมูลอย่างถูกต้องครบถ้วน และเข้าใจความหมายของข้อมูลที่ใส่ลงไป สุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้ออกมาจากตัวรายงานนั้น สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการลดการใช้พลังงานและลดค่าใช้จ่ายในองค์กรต่อไปได้

วัตถุประสงค์

เพื่อทำให้คณะทำงานด้านการจัดการพลังงานได้มีความรู้และเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.๒๕๓๕ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๕๐) และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ทราบรายละเอียดในการสร้างและการดำเนินการการจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอนตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีความรู้ ความเข้าใจในการดำเนินการจัดทำรายงานการจัดการพลังงานให้สอดคล้องกับที่กฎหมายระบุได้อย่างถูกต้องครบถ้วน ซึ่งสามารถทำให้เกิดการพัฒนาทางด้านการจัดการพลังงานอย่างต่อเนื่องและมั่นคง

ประโยชน์ที่ได้รับ

  • ทราบกฎหมายการอนุรักษ์พลังงานที่เกี่ยวข้องกับสถานประกอบการ
  • เข้าใจความหมายและวิธีดำเนินการการจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอน ทั้งขั้นตอนวางแผน ลงมือปฏิบัติ ตรวจสอบ ทบทวน วิเคราะห์และแก้ไข ตามหลักการ PDCA
  • ดำเนินการสร้างและจัดทำระบบการจัดการพลังงานตามกฎหมาย
  • ดำเนินการจัดทำรายงานการจัดการพลังงานให้สอดคล้องกับที่กฎหมายระบุได้อย่างถูกต้องครบถ้วน
  • ทราบวิธีการกรอกรายงานการจัดการพลังงานอย่างครบถ้วน
  • สามารถนำผลลัพธ์จากรายงานฯไปพัฒนาระบบการจัดการพลังงานและอนุรักษ์พลังงาน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานในองค์กรได้

เนื้อหาหลักสูตร

  • พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
  • การสร้างและดำเนินการจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอน
  • การแต่งตั้งผู้รับผิดชอบพลังงานตามกฎหมาย
  • สิ่งที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงานสำหรับสถานประกอบการ
  • การกรอกข้อมูลลงในรายงานการจัดการพลังงานฟอร์มใหม่และ e-form อย่างถูกต้องครบถ้วน
  • Workshop กรอกข้อมูลการทำรายงาน

EFC-B-03 : กฎหมาย พ.ร.บ. ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน การสร้างและดำเนินการการจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอน     + การตรวจประเมินการจัดการพลังงานภายในองค์กร (Internal Audit) – 6 ชั่วโมง

EFC เล็งเห็นการสร้างระบบบริหารและจัดการพลังงานในองค์กร เป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาระบบการจัดการพลังงานตาม พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.๒๕๓๕ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๕๐) ซึ่งมุ่งเน้นในการสร้างระบบให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืน

หลักสูตรนี้จะมุ่งเน้นให้คณะทำงานฯ ผู้ตรวจประเมินภาย รวมถึงผู้รับผิดชอบพลังงานได้มีส่วนร่วมและมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายทางด้านการอนุรักษ์พลังงานและการจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอนอย่างเข้าถึง พร้อมด้วยการตรวจประเมินภายในองค์การอย่างมีประสิทธิภาพ

R1007226

จากประสบการณ์ทางด้านการจัดการพลังงานและอนุรักษ์พลังงานมาอย่างยาวนาน EFC จึงได้ออกแบบการฝึกอบรมให้เข้าใจง่าย สำหรับผู้บริหาร คณะทำงานด้านการจัดการพลังงาน ผู้ตรวจประเมินภายในระดับหัวหน้างานและผู้รับผิดชอบทางด้านพลังงาน เพื่อสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการจัดการพลังงานในสถานประกอบการได้ทันที ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เน้นให้ความรู้เป็นลำดับและขั้นตอน ลดภาระหน้าที่ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการพลังงานลงได้อย่างมาก

การเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญฯทางด้านพลังงานโดยตรง เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่จะทำให้องค์กรที่ต้องการพัฒนาความรู้เกี่ยวกับการจัดการพลังงาน ก้าวหน้าทางด้านพลังงานอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้ประหยัดเวลาที่มีค่าไปได้อย่างมหาศาล

วัตถุประสงค์

เพื่อทำให้คณะทำงานด้านการจัดการพลังงานได้มีความรู้และเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.๒๕๓๕ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๕๐) และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ทราบรายละเอียดในการสร้างและการดำเนินการการจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอนตามกฎหมายได้อย่างถูกต้องครบถ้วน นอกจากนี้ยังสร้างความรู้และเข้าใจในการตรวจประเมินภายในองค์กรแบบมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถทำให้เกิดการพัฒนาทางด้านการจัดการพลังงานอย่างต่อเนื่องและมั่นคง

ประโยชน์ที่ได้รับ

  • ทราบกฎหมายการอนุรักษ์พลังงานที่เกี่ยวข้องกับสถานประกอบการ
  • เข้าใจความหมายและวิธีดำเนินการการจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอน ทั้งขั้นตอนวางแผน ลงมือปฏิบัติ ตรวจสอบ ทบทวน วิเคราะห์และแก้ไข ตามหลักการ PDCA
  • ดำเนินการจัดทำระบบการจัดการพลังงานตามกฎหมายได้อย่างถูกต้องครบถ้วน
  • มีการตรวจประเมินภายในระบบการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ
  • มีการพัฒนาระบบการจัดการพลังงานและอนุรักษ์พลังงาน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานในองค์กร

เนื้อหาหลักสูตร

  • พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
  • การสร้างและดำเนินการจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอน
  • การแต่งตั้งผู้รับผิดชอบพลังงานตามกฎหมาย
  • สิ่งที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงานสำหรับสถานประกอบการ
  • การตรวจประเมินระบบการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในองค์กร
R1008732

EFC-B-04 : การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในองค์กร (CFO) + เทคนิคการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรในภาคพลังงาน – 6 ชั่วโมง

ปัญหาโลกร้อนและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้วในปัจจุบัน ส่งผลกระทบทางด้านลบในระดับประเทศ ระดับองค์กร รวมถึงระดับบุคคลทั่วไปเป็นวงกว้าง จึงทำให้หลากหลายฝ่ายออกมาร่วมกันช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งหัวจักรสำคัญก็คือระดับองค์กร เพราะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกค่อนข้างมากจากการใช้พลังงาน การผลิต/บริการ ดังนั้น หากเราไม่ทราบว่าองค์กรของเรา ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากช่องทางไหนบ้าง ก็เป็นการยากที่เราจะลดการปล่อยก๊าซฯอย่างเป็นรูปธรรมได้

จากปัญหาข้างต้น EFC จึงได้ออกแบบการฝึกอบรมหลักสูตรการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นในองค์กร รวมถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรในภาคพลังงาน เพื่อให้พนักงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะทำงานประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ คณะทำงานที่วางแผนบริหารจัดการพลังงาน ได้รับความรู้และเข้าใจในการเก็บข้อมูลที่สำคัญเพื่อทำการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในองค์กรตามข้อกำหนดของ TGO อย่างถูกต้อง ซึ่งทำให้รู้ได้ว่าองค์กรของตนปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากช่องทางไหน สามารถนำไปต่อยอดตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างเหมาะสม ทั้งในภาคส่วนการใช้พลังงานและส่วนอื่นๆ นำไปสู่การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในองค์กรอย่างเป็นระบบและยั่งยืน

วัตถุประสงค์

  • มีความรู้ความเข้าใจในหลักการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร สามารถเก็บข้อมูลและประเมินเป็นค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้
  • มีความเข้าใจในการจัดทำเอกสารตามแบบฟอร์มต่างๆ ของ TGO
  • มีความรู้เบื้องต้นในเทคนิคการลดก๊าซเรือนกระจกขององค์กรในภาคพลังงาน

เนื้อหาหลักสูตร

  • ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Climate Change และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
  • นิยาม Carbon Neutrality และ Net Zero Emission
  • ข้อกำหนดในการคำนวณและรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร
  • วิธีการเก็บข้อมูลและการระบุแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร
  • การรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร
  • ฝึกปฏิบัติการประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกขององค์กร และการจัดทำ Verification Sheet
  • การขออนุญาตใช้เครื่องหมายรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร กับ TGO
  • เทคนิคการลดก๊าซเรือนกระจกขององค์กรในภาคพลังงาน
  • กรณีศึกษาและการนำไปใช้ประโยชน์

EFC-C-01 : เทคนิคประหยัดค่าไฟฟ้าในองค์กร + เทคนิคอนุรักษ์พลังงานในหม้อแปลงไฟฟ้าและมอเตอร์ไฟฟ้า – 3 ชั่วโมง

ไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญและเป็นต้นทุนในการดำเนินธุรกิจทุกประเภท ในกรณีที่มีการใช้พลังงานอย่างเกินความจำเป็นและเกิดการสูญเสียพลังงานในส่วนต่างๆ โดยเปล่าประโยชน์ ก็จะทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นการใช้ไฟฟ้าและการบำรุงรักษาเครื่องจักรที่มีค่อนข้างมากในโรงงานและอาคารเช่นหม้อแปลงไฟฟ้าและมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างถูกวิธี จะทำให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลดีต่อการประหยัดค่าไฟฟ้าโดยรวมขององค์กร

ตรวจประเมินภายในการจัดการพลังงาน

EFC จึงได้ออกแบบการฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับเทคนิคประหยัดค่าไฟฟ้าในองค์กร รวมถึงการอนุรักษ์พลังงานในหม้อแปลงไฟฟ้าและมอเตอร์ไฟฟ้าขึ้น เพื่อทำให้พนักงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเช่น พนักงานทั่วไป ฝ่ายวิศวกรรมและฝ่ายช่างซ่อมบำรุง ได้รับความรู้และเข้าใจในการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่าและมีจิตสำนึกในการประหยัดพลังงานแบบมีส่วนร่วม ซึ่งส่งผลให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานในองค์กรอย่างมหาศาล เมื่อพนักงานมีเทคนิคพื้นฐานทางด้านการอนุรักษ์พลังงานแล้ว ก็จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการต่อยอดการอนุรักษ์พลังงานในสถานประกอบการในขั้นที่สูงขึ้นต่อไป

วัตถุประสงค์

เพื่อทำให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ความเข้าใจในอัตราค่าไฟฟ้าและเทคนิคการลดค่าไฟฟ้า ในรูปแบบที่หลากหลาย ส่งผลให้เกิดการประหยัดต้นทุนทางด้านพลังงานในองค์กร นอกจากนี้ยังให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้พื้นฐานและองค์ประกอบของหม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) และมอเตอร์ไฟฟ้า (Electrical Motor) ตลอดจนถึงวิธีการใช้งาน บำรุงรักษาและเทคนิคการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานขององค์กรอย่างเหมาะสมและดียิ่งขึ้น

 ประโยชน์ที่ได้รับ

  • ทราบปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าและเทคนิคการลดค่าไฟฟ้า
  • ทราบองค์ประกอบพื้นฐานของหม้อแปลงไฟฟ้าและมอเตอร์ไฟฟ้า
  • เทคนิคการอนุรักษ์พลังงานในหม้อแปลงไฟฟ้าและมอเตอร์ไฟฟ้าในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งมาตรการที่ไม่มีการ    ลงทุนและมาตรการที่มีการลงทุน
  • ทราบวิธีการใช้งานและบำรุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้าและมอเตอร์ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพดีอยู่เสมอ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานในองค์กร

เนื้อหาหลักสูตร

  • องค์ประกอบพื้นฐานของค่าไฟฟ้า
  • อัตราค่าไฟฟ้า
  • เทคนิคการลดค่าไฟฟ้าอย่างง่าย
  • เทคนิคการอนุรักษ์พลังงานในหม้อแปลงไฟฟ้าและมอเตอร์ไฟฟ้า
  • ตัวอย่างและกรณีศึกษา

EFC-C-02 : การปรับปรุงประสิทธิภาพและเทคนิคอนุรักษ์พลังงานในเครื่องอัดอากาศ (Air Compressor) และระบบอากาศอัด – 3 ชั่วโมง

สถานประกอบการส่วนใหญ่มีการใช้อากาศอัดซึ่งมีค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานค่อนข้างสูงในกระบวนการผลิต ในกรณีที่พนักงานในองค์กรมีการใช้งาน การตั้งค่า มีเทคนิคการปรับปรุงประสิทธิภาพและการบำรุงรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสมแล้ว ก็จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานโดยรวมขององค์กรลดลงได้

R1007128

EFC จึงได้ออกแบบการฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับทางด้านการอนุรักษ์พลังงานในเครื่องอัดอากาศและระบบอัดอากาศขึ้น เพื่อทำให้พนักงานที่เกี่ยวข้องเช่น พนักงานฝ่ายผลิต ฝ่ายวิศวกรรมและฝ่ายช่างซ่อมบำรุง ได้รับความรู้และเข้าใจในการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า รวมถึงเทคนิคประหยัดพลังงานในระบบอัดอากาศ ซึ่งส่งผลให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานในสถานประกอบการของท่านอย่างมหาศาล เมื่อพนักงานมีเทคนิคพื้นฐานทางด้านการอนุรักษ์พลังงานแล้ว ก็จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการต่อยอดการอนุรักษ์พลังงานในสถานประกอบการในขั้นที่สูงขึ้นต่อไป

วัตถุประสงค์

เพื่อทำให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ความเข้าใจในอัตราค่าไฟฟ้าและเทคนิคการลดค่าไฟฟ้า ในรูปแบบที่หลากหลาย ส่งผลให้เกิดการประหยัดต้นทุนทางด้านพลังงานในองค์กร นอกจากนี้ยังให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้พื้นฐานและองค์ประกอบของเครื่องอัดอากาศ (Air Compressor) และระบบอากาศอัด ตลอดจนถึงวิธีการใช้งาน บำรุงรักษาและเทคนิคการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานในระบบอากาศอัดขององค์กรอย่างเหมาะสมและดียิ่งขึ้น

 ประโยชน์ที่ได้รับ

  • ทราบองค์ประกอบพื้นฐานของเครื่องอัดอากาศและระบบอากาศอัด
  • ทราบวิธีการตรวจวัดและหาประสิทธิภาพของเครื่องอัดอากาศ
  • ทราบวิธีการตรวจเช็คและหาเปอร์เซ็นต์ลมรั่ว เพื่อลดเปอร์เซ็นต์ลมรั่วโดยไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องอัดอากาศตัวใหม่เพิ่มเติม
  • เทคนิคการอนุรักษ์พลังงานในเครื่องอัดอากาศและระบบอากาศอัด ในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งมาตรการที่ไม่มีการ    ลงทุนและมาตรการที่มีการลงทุน
  • ทราบวิธีการใช้งานและบำรุงรักษาเครื่องอัดอากาศให้มีประสิทธิภาพดีอยู่เสมอ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานในองค์กร

เนื้อหาหลักสูตร

  • องค์ประกอบพื้นฐานของเครื่องอัดอากาศและระบบอากาศอัด
  • วิธีการตรวจวัดหาประสิทธิภาพของเครื่องอัดอากาศ
  • วิธีประเมินเปอร์เซ็นต์ลมรั่วในโรงงาน
  • เทคนิคการอนุรักษ์พลังงานในเครื่องอัดอากาศและระบบอากาศอัด
  • วิธีเซ็ตแรงดันอากาศอัดให้เหมาะสม
มาตรการอนุรักษ์พลังงาน

EFC-C-03 : การปรับปรุงประสิทธิภาพและเทคนิคอนุรักษ์พลังงานในเครื่องทำความเย็น (Chiller) หอผึ่งลมเย็น (Cooling Tower) และระบบปรับอากาศ – 3 ชั่วโมง

สถานประกอบการส่วนใหญ่มีการใช้น้ำเย็นจากเครื่องทำความเย็นมาใช้ในระบบปรับอากาศหรือใช้กับระบบระบายความร้อนของเครื่องจักรในการผลิต ซึ่งเครื่องทำความเย็นนี้เอง เป็นเครื่องจักรที่ใช้พลังงานอย่างมหาศาล ในกรณีที่พนักงานในองค์กรมีการใช้งาน การตั้งค่าของเครื่อง เทคนิคการปรับปรุงประสิทธิภาพและการบำรุงรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสมแล้ว ก็จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานโดยรวมขององค์กรลดลงได้

EFC จึงได้ออกแบบการฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับทางด้านการอนุรักษ์พลังงานในเครื่องทำความเย็น หอผึ่งลมเย็นและระบบปรับอากาศขึ้น เพื่อทำให้พนักงานที่เกี่ยวข้องเช่น พนักงานทั่วไป ฝ่ายวิศวกรรมและฝ่ายช่างซ่อมบำรุง ได้รับความรู้และเข้าใจในการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า รวมถึงเทคนิคประหยัดพลังงานในระบบปรับอากาศ ซึ่งส่งผลให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานในสถานประกอบการ เมื่อพนักงานมีเทคนิคพื้นฐานทางด้านการอนุรักษ์พลังงานแล้ว ก็จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการต่อยอดการอนุรักษ์พลังงานในสถานประกอบการในขั้นที่สูงขึ้นต่อไป

วัตถุประสงค์

เพื่อทำให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ความเข้าใจในอัตราค่าไฟฟ้าและเทคนิคการลดค่าไฟฟ้า ในรูปแบบที่หลากหลาย ส่งผลให้เกิดการประหยัดต้นทุนทางด้านพลังงานในองค์กร นอกจากนี้ยังให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้พื้นฐานและองค์ประกอบของเครื่องทำความเย็น (Chiller) หอผึ่งลมเย็น (Cooling Tower)และระบบปรับอากาศ ตลอดจนถึงวิธีการใช้งาน บำรุงรักษาและเทคนิคการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานในระบบทำความเย็นขององค์กรอย่างเหมาะสมและดียิ่งขึ้น

 ประโยชน์ที่ได้รับ

  • ทราบองค์ประกอบพื้นฐานของเครื่องทำความเย็น หอผึ่งลมเย็นและระบบปรับอากาศ
  • ทราบวิธีการตรวจวัดและหาประสิทธิภาพของเครื่องทำความเย็น (Chiller) และหอผึ่งลมเย็น (Cooling Tower) โดยใช้โปรแกรมคำนวณ
  • ทราบถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อประสิทธิภาพของเครื่องทำความเย็น หอผึ่งลมเย็นและระบบปรับอากาศ
  • เทคนิคการอนุรักษ์พลังงานในเครื่องทำความเย็น หอผึ่งลมเย็นและระบบปรับอากาศ ในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งมาตรการที่ไม่มีการลงทุนและมาตรการที่มีการลงทุน
  • ทราบวิธีการใช้งานและบำรุงรักษาเครื่องทำความเย็นให้มีประสิทธิภาพดีอยู่เสมอ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานในองค์กร

เนื้อหาหลักสูตร

  • องค์ประกอบพื้นฐานของเครื่องทำความเย็น หอผึ่งลมเย็นและระบบปรับอากาศ
  • วิธีการตรวจวัดหาประสิทธิภาพของเครื่องทำความเย็น (Chiller) และหอผึ่งลมเย็น (Cooling Tower)
  • ทราบถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อประสิทธิภาพของเครื่องทำความเย็น หอผึ่งลมเย็นและระบบปรับอากาศ
  • เทคนิคการอนุรักษ์พลังงานในเครื่องทำความเย็น หอผึ่งลมเย็นและระบบปรับอากาศ
  • วิธีเซ็ตค่าและการใช้งานเครื่องทำความเย็นที่เหมาะสม
IMG_20191024_144941

EFC-C-04 : การปรับปรุงประสิทธิภาพและเทคนิคอนุรักษ์พลังงานในหม้อไอน้ำ (Boiler) และระบบไอน้ำ – 3 ชั่วโมง

สำหรับสถานประกอบการที่มีการใช้เชื้อเพลิงความร้อนแล้ว หม้อไอน้ำถือเป็นเครื่องจักรที่มีนัยสำคัญในการใช้พลังงานเป็นลำดับต้นๆ การทราบวิธีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและบำรุงรักษาอย่างถูกวิธีแล้ว จะทำให้องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานเป็นอย่างมาก

EFC จึงได้ออกแบบการฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับทางด้านการอนุรักษ์พลังงานในหม้อไอน้ำและระบบไอน้ำขึ้น เพื่อทำให้พนักงานที่เกี่ยวข้องเช่น ฝ่ายวิศวกรรมและฝ่ายช่างซ่อมบำรุง ได้รับความรู้และเข้าใจในการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า รวมถึงเทคนิคประหยัดพลังงานในระบบไอน้ำ ซึ่งส่งผลให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานในสถานประกอบการของท่านอย่างมหาศาล เมื่อพนักงานมีเทคนิคพื้นฐานทางด้านการอนุรักษ์พลังงานแล้ว ก็จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการต่อยอดการอนุรักษ์พลังงานในสถานประกอบการในขั้นที่สูงขึ้นต่อไป

วัตถุประสงค์

เพื่อทำให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ความเข้าใจในอัตราค่าไฟฟ้าและเทคนิคการลดค่าไฟฟ้า ในรูปแบบที่หลากหลาย ส่งผลให้เกิดการประหยัดต้นทุนทางด้านพลังงานในองค์กร นอกจากนี้ยังให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้พื้นฐานและองค์ประกอบของหม้อไอน้ำ (Boiler) และระบบไอน้ำ ตลอดจนถึงวิธีการใช้งาน บำรุงรักษาและเทคนิคการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานในระบบหม้อไอน้ำขององค์กรอย่างเหมาะสมและดียิ่งขึ้น

 ประโยชน์ที่ได้รับ

  • ทราบองค์ประกอบพื้นฐานของหม้อไอน้ำและระบบไอน้ำ
  • ทราบวิธีการตรวจวัดและหาประสิทธิภาพของหม้อไอน้ำ (Boiler)
  • ทราบถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อประสิทธิภาพของหม้อไอน้ำและระบบไอน้ำ
  • เทคนิคการอนุรักษ์พลังงานในหม้อไอน้ำและระบบไอน้ำ ในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งมาตรการที่ไม่มีการลงทุนและมาตรการที่มีการลงทุน
  • ทราบวิธีการใช้งานและบำรุงรักษาหม้อไอน้ำให้มีประสิทธิภาพดีอยู่เสมอ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานในองค์กร

เนื้อหาหลักสูตร

  • องค์ประกอบพื้นฐานของหม้อไอน้ำและระบบไอน้ำ
  • วิธีการตรวจวัดหาประสิทธิภาพของหม้อไอน้ำ (Boiler)
  • เทคนิคการอนุรักษ์พลังงานในหม้อไอน้ำและระบบไอน้ำ
  • วิธีการปรับเซ็ตแรงดันและการใช้งานของหม้อไอน้ำให้เหมาะสม

EFC-D-01 : การติดตามสมรรถนะทางด้านพลังงาน (EnPI) โดยใช้เทคนิค CUSUM ให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้+ เทคนิคการเลือก Energy Target ให้เหมาะ – 6 ชั่วโมง

ปัญหาการตั้งเป้าหมายอนุรักษ์พลังงานเป็นสิ่งที่ต้องทำทุกปี ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นความลำบากใจของคณะทำงานด้านการจัดการพลังงานว่า ตั้งเป้าลดการใช้พลังงานเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม หลายองค์กรตั้งเป้าสูงเกินไปจนทีมงานท้อ และยังมีอีกหลายองค์กรที่เป้าต่ำเกินไป สูญเสียโอกาสการประหยัดพลังงานต่ำกว่าที่ควรจะเป็น จากปัญหาดังกล่าวจึงเป็นการยากที่จะสามารถทำให้ผู้บริหารมีความพอใจในขณะเดียวกันทีมงานที่ทำเรื่องอนุรักษ์พลังงานก็สามารถทำตามเป้าได้ด้วย

จากปัญหาข้างต้น EFC จึงได้ออกแบบการฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายประหยัดพลังงานให้เหมาะสม รวมถึงการติดตามสมรรถนะทางด้านพลังงาน (EnPI) โดยใช้เทคนิค CUSUM ให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพื่อให้พนักงานที่เกี่ยวข้องเช่น คณะทำงานที่วางแผนบริหารจัดการพลังงาน ได้รับความรู้และเข้าใจในการเลือกใช้ Energy Baseline อย่างถูกต้อง ซึ่งส่งผลให้เกิดการตั้งหมายการประหยัดได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังสามารถติดตามการพลังงานในสถานประกอบการได้อย่างทันท่วงที นำไปสู่การลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานอย่างเป็นระบบและยั่งยืน

วัตถุประสงค์

เพื่อทำให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ความเข้าใจเครื่องมือเชิงสถิติโดยใช้เทคนิคการสะสมของค่าความแตกต่าง (Cumulative Summation of Different: CUSUM) ซึ่งใช้ติดตามสมรรถนะทางด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถควบคุมการใช้พลังงานได้อย่างทันท่วงที ตลอดจนสามารถประเมินการใช้พลังงานในอนาคตของเครื่องจักรที่มีนัยสำคัญ (Significant Energy Use: SEU) เพื่อคาดการณ์การตั้งเป้าหมายในการประหยัดพลังงานที่เหมาะสมต่อองค์กร ซึ่งทำให้สามารถเลือกมาตรการอนุรักษ์พลังงานได้อย่างเหมาะสมเพื่อให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้

 ประโยชน์ที่ได้รับ

  • ทราบวิธีการติดตามสมรรถนำด้านพลังงานโดยเทคนิค CUSUM
  • มีความรู้ความเข้าใจในการติดตาม ควบคุม สมรรถนะทางด้านพลังงานได้อย่างทันท่วงทีเพื่อบรรลุเป้าหมาย
  • ทราบวิธีการหาสมการ Baseline โดยวิธี Regression Analysis และประเมินว่าสมการใช้ได้หรือไม่
  • สามารถวิเคราะห์การใช้พลังงานขององค์กร จากกราฟ CUSUM ได้ เพื่อหาแนวทางในการจัดการพลังงานให้เหมาะสมกับองค์กร
  • สามารถเลือกใช้ Energy Baseline ที่เหมาะสมในการตั้งเป้าหมายการประหยัดพลังงานขององค์กร

เนื้อหาหลักสูตร

  • เครื่องมือเชิงสถิติที่ช่วยติดตามสมรรถนะด้านพลังงาน
  • ความหมายของ Energy Baseline และวิธีการเลือกใช้
  • เทคนิค CUSUM (Basic Tools)
  • วิธีการหาสมการ Baseline โดยวิธี Regression Analysis
  • วิเคราะห์การใช้พลังงานขององค์กร จากกราฟ CUSUM
  • การตั้งเป้าหมาย Energy Target ให้เหมาะสม
  • การติดตามการใช้พลังงานให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

อบรมอนุรักษ์พลังงาน

EFC เล็งเห็นถึงความสําคัญกับพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.๒๕๓๕ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๕๐) จึงได้ออกแบบหลักสูตรการ ฝึกอบรมอนุรักษ์พลังงาน และการจัดการพลังงานขึ้น เพื่อทําให้พนักงานได้รับความรู้และเข้าใจถึงการใช้พลังงานในสถานประกอบการอย่างรู้คุณค่าสามารถมีส่วนร่วมในการประหยัดพลังงานจากพนักงานทุกระดับ ซึ่งส่งผลให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานในสถานประกอบการ ของท่านอย่างยั่งยืน เมื่อพนักงานมีจิตสํานึกและเทคนิคการอนุรักษ์พลังงาน ก็จะเป็นพื้นฐานสําคัญในการต่อยอดการ อนุรักษ์พลังงานในสถานประกอบการในขั้นที่สูงขึ้นต่อไป

หลักสูตรเน้นเชิงบูรณาการ หยิบยกตัวอย่างและสถานการณ์ด้านพลังงานที่เกิดขึ้นจริงในโลกปัจจุบัน อาทิเช่น พลังงานสะอาด เทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ทางด้านการเก็บกักพลังงาน (Energy Storage) หรือการพูดถึงการจัดการพลังงานอัจฉริยะเข้ามาร่วมอธิบายให้ทุกท่านเห็นภาพการใช้พลังงานในปัจจุบันและอนาคตได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

อบรมอนุรักษ์พลังงาน

วิทยากร EFC เป็นผู้ที่มีประสบการณ์และความรู้ทางด้านอนุรักษ์พลังงานและการจัดการพลังงานมาอย่างยาวนาน ร่วมงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนระดับประเทศและระดับนานาชาติ พร้อมทั้งได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่ปรึกษาอิสระ สาขาพลังงาน ศูนย์ที่ปรึกษา กระทรวงการคลัง และได้ใบประกอบวิชาชีพภาคีวิศวกรเครื่องกลพิเศษงานตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน ตามกฎหมาย จึงมั่นใจได้ว่าสถานประกอบการของท่านจะได้รับความรู้และประสบการณ์จากการ ฝึกอบรมอนุรักษ์พลังงาน และการจัดการพลังงาน ซึ่งสอดคล้องและเป็นประโยชน์ต่อบริษัทของท่านอย่างแท้จริง

ที่ปรึกษาการจัดการพลังงาน

ที่ปรึกษาการจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน (EnMS Consultancy)

ที่ปรึกษาการจัดการพลังงาน

ท่านเคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมการจัดการพลังงานเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ ต้องดำเนินการทุกปี พนักงานไม่มีส่วนร่วม ผลที่ได้ไม่ชัดเจนเป็นรูปธรรมมากนัก ทำไมไม่มีรูปแบบที่สนุกสนานโดยทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม มีเสียงหัวเราะ เพื่อแบ่งเบาภาระหน้าที่ของคณะทำงานด้านการจัดการพลังงาน เห็นผลในการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าและความร้อนได้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง และมีการพัฒนาการอนุรักษ์พลังงานให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน ในขณะเดียวกันก็สามารถ  จัดทำรายงานพลังงานได้ถูกต้องครบถ้วนซึ่งเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมายอีกด้วย

เราได้ออกแบบทางเลือกใหม่ในการให้คำแนะนำในการจัดทำรายงานและระบบการจัดการพลังงาน ภายใต้ พรบ.ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.๒๕๓๕(ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๕๐) ที่มีผลในเชิงบวกต่อทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ผู้จัดการ หัวหน้างาน วิศวกร ฝ่ายช่าง รวมถึงพนักงานทุกคน โดยมุ่งเน้นที่การให้คำปรึกษาที่มีคุณภาพคุ้มราคา และให้ก้าวข้ามการจ้างที่ปรึกษาการจัดการพลังงานแบบดั้งเดิมที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง

เราพร้อมและยินดีที่จะส่งมอบการมีส่วนร่วมของพนักงานให้สถานประกอบการมากกว่ารูปแบบการจัดการพลังงานแบบดั้งเดิมและเห็นผลได้จริงอย่างยั่งยืน หากสถานประกอบการสนใจการจัดการพลังงานแบบบุคคลธรรมดา เรายินดีเข้าไปนำเสนอรายละเอียดให้กับท่านในทันที ติดต่อเรา


การให้คำปรึกษาและจัดทำการจัดการพลังงานอย่างยั่งยืนในอาคารและโรงงาน เพื่อทำให้องค์กรไปสู่อิสรภาพทางด้านพลังงาน  การอบรมให้ความรู้ จัดกิจกรรม  โดยเน้นที่การจัดทำกิจกรรมกลุ่มย่อยที่มีความสนุกต่อการมีส่วนร่วมในการลงมือดำเนินการตามแผนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ต้นทุนทางด้านพลังงานลดลงและบุคลากรในองค์กรมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทุกส่วนในองค์กร ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายการจัดการและฝ่ายพนักงานมีความรักในการอนุรักษ์พลังงานอย่างยั่งยืน

ประโยชน์ที่จะได้รับจากการจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน

  • บริษัทฯ จะได้ดำเนินการจัดทำรายงานและระบบการจัดการพลังงานได้อย่างถูกต้องครบถ้วน ภายใต้ พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.๒๕๓๕ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ๒๕๕๐)
  • ได้รับคำแนะนำในการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานของอุปกรณ์และเครื่องจักรหลักในโรงงาน จากทีมที่ปรึกษา พร้อมข้อเสนอแนะมาตรการอนุรักษ์พลังงาน ที่เหมาะสม
  • ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานจากมาตรการอนุรักษ์พลังงานที่เหมาะสม และเพิ่มโอกาสทางการวางนโยบายทางการตลาด ให้มีความยืดหยุ่นจากต้นทุนพลังงาน เพื่อเพิ่มความได้เปรียบเหนือคู่แข่งทางการค้า
  • พนักงานได้มีส่วนร่วมในการช่วยกันพัฒนา การทำงานของตนเอง แก้ไขปัญหาที่ของตนเองอย่างใกล้ชิด รู้จักการทำงานเป็นทีม ลดความขัดแย้งในการทำงานแต่ละหน่วยงาน เพื่อเสริมสร้างให้องค์กรมีการพัฒนาในด้านพลังงานและด้านอื่นๆอย่างต่อเนื่อง
  • และที่สำคัญที่สุดคือ องค์กรมีความเข้มแข็งจากภายใน เป็นการส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์พลังงานอย่างยั่งยืน

รูปแบบการจัดการระบบการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

การจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอน

ขั้นตอนการจัดทำรายงานการจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอน

  1. ตั้งคณะทำงานด้านการจัดการพลังงาน
    • ประการแต่งตั้งคณะทำงาน โดยระบุ ตำแหน่ง อำนาจ หน้าที่ พร้อมลงนามโดยประธานฯ
    • เผยแพร่ตามสื่อต่างๆ เช่น บอร์ดประชาสัมพันธ์ในบริษัทฯ เป็นต้น
  2. ประเมินสถานภาพการจัดการพลังงานเบื้องต้น
    • พิจารณาดำเนินการตามข้อมูลด้านพลังงานที่ผ่านมา
    • ประเมินจากตารางประเมินสถานภาพการจัดการพลังงานเบื้องต้น(Energy Managemet Matrix : EMM), ผลลัพท์จากการประเมินที่ได้จะนำดำเนินการจัดรูปแบบการจัดการพลังงานให้สอดคล้องและเหมาะสมต่อไป
  3. กำหนดนโยบายการอนุรักษ์พลังงาน
    • การกำหนดและประกาศนโยบายการอนุรักษ์พลังงานจะต้องสอดคล้องตามกฎฯกระทรวง และผู้บริหารต้องลงนามรับรอง
    • เผยแพร่นโยบายการอนุรักษ์พลังงานตามสื่อต่างในบริษัท เช่น เสียงตามสาย บอร์ดประชาสัมพันธ์ เป็นต้น
  4. การประเมินศักยภาพการอนุรักษ์พลังงาน
    • ต้องดำเนินการประเมินศักยภาพการอนุรักษ์พลังงานโดยการตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานที่มีนัยสำคัญ เพื่อหาการสูญเสียและหามาตรการที่จะลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นนั้น โดยการประเมินแบ่งได้ 3 ระดับ ได้แก่ ประเมินระดับองค์กร ประเมินระดับผลิตภัณฑ์และประเมินระดับเครื่องจักร/อุปกรณ์
  5. การกำหนดเป้าหมายและแผนการอนุรักษ์พลังงาน แผนการฝึกอบรมและกิจกรรมส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
    • เป้าหมายการลดการใช้พลังงานต้องกำหนดเป็นจำนวนร้อยละของการใช้พลังงานของปีก่อนหน้า โดยจะต้องระบุระยะเวลา การดำเนินงาน การลงทุน และผลที่คาดว่าจะได้รับจากการดำเนินการตามมาตรการนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
    • จัดให้มีแผนฝึกอบรม จัดให้มีการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและให้บุคคลากรของบริษัทฯจะต้องเข้าร่วมอบรมและร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
    • เผยแพร่ตารางการฝึกอบรมตามสื่อต่างๆของบริษัทฯenergy-target
  6. การดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงานและการตรวจสอบวิเคราะห์การปฏิบัติตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน
    • เจ้าของบริษัทฯต้องควบคุมการดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงานอย่างต่อเนื่อง
    • ผู้รับผิดชอบจะต้องรายงานผลการดำเนินการให้คณะทำงานทราบอยู่เสมอ
    • คณะทำงานต้องตรวจสอบและวิเคราะห์ผลการดำเนินงานทุกๆ 3 เดือน
    • วิเคราะห์สาเหตุที่ไม่บรรลุแผนและแนวทางแก้ไข
    • จัดทำรายงานสรุปติดตามตามมาตรการอนุรักษ์พลังงานและการฝึกอบรม
    • จัดทำรายงานผลการตรวจสอบและวิเคราะห์การปฏิบัติตามเป้าหมายและแผนอนุรักษ์พลังงาน
  7. การตรวจติดตามและการประเมินการจัดการพลังงาน
    • ประชุมร่วมเจ้าของและคณะทำงานเพื่อประกาศแต่งตั้งคณะผู้ตรวจประเมินการจัดการพลังงานภายในองค์กร(Internal Audit)
    • ลงนามคำสั่ง และเผยแพร่
    • คณะทำงานรวบรวมผลการดำเนินงานการจัดการพลังงานให้กับคณะผู้ตรวจประเมินภายใน
    • คณะผู้ตรวจประเมินภายในตรวจสอบว่าผลการดำเนินการ การจัดการพลังงานเป็นจริงตามข้อมูลคณะทำงานให้มาหรือไม่ หลังจากนั้นคณะผู้ตรวจฯจะต้องจัดทำรายงานผลการตรวจสอบให้กับคณะทำงานอีกทีหนึ่ง
  8. การทบทวนและวิเคราะห์แก้ไขข้อบกพร่องของการจัดการพลังงาน
    • คณะทำงานจะต้องสรุปผลให้กับเจ้าของบริษัทฯให้ทราบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง พร้อมทั้งบอกแนวทางทบทวน แก้ไข ปรับปรุงข้อบกพร่องโดยละเอียด
    • เจ้าของบริษัทฯควรทบทวนผลการดำเนินการจัดการพลังงานที่คณะทำงานแจ้งให้ทราบ
    • เผยแพร่ผลการทบทวนตามสื่อต่างๆในบริษัทฯ
    • ถ้ามีข้อพร่องให้รีบดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว