Category Archives: คลังความรู้และเทคนิคประหยัด

เทคนิคอนุรักษ์พลังงานในพัดลม

หลายโรงงานให้ความสำคัญกับตัวที่กินพลังงานเยอะอย่างเช่น ปั๊มลม หม้อไอน้ำ ชิลเลอร์

แต่ถ้าเกิดเราลองมองดูดีๆ พัดลมนี่แหละเป็นสิ่งที่พบเห็นได้มากที่สุดในโรงงาน บางโรงงานอาจใช้พัดลม 1 คนต่อ 1 เครื่องด้วยซ้ำไป เมื่อรวมกันหลายตัว พัดลมก็เป็นสิ่งที่กินพลังงานเอาเรื่องอยู่

ดังนั้นวันนี้เราจะมาดูเทคนิคการอนุรักษ์พลังงานในพัดลมแบบง่ายๆ กัน

1.ไม่ควรมีอะไรไปบังลมด้านขาเข้าและขาออกจากพัดลม อันนี้ดูเหมือนทำง่ายๆ แต่จากประสบการณ์จริงก็ยังพบเห็นได้มากในโรงงานหลายแห่ง

2.ทำความสะอาดหน้ากาก ฟิลเตอร์ และใบพัดลมอยู่เสมอ ให้ลมโฟลดี

3.ควรเลือกใช้ใบพัดลมลักษณะแบบปีกเครื่องบิน จะผลิตลมได้ดีกว่า

4.ควรเลือกปรับความเร็วของลมให้เหมาะสมกับที่ต้องการ

5.หากเป็นพัดลมที่มีสานพาน ควรเช็คความตึงสายพานอย่างสม่ำเสมอ

6.เลือกติดตั้ง VSD ปรับความเร็วรอบของมอเตอร์พัดลมที่มีขนาดใหญ่และมีการเปลี่ยนแปลงของโหลดอยู่เสมอ

7.เลือกลงทุนใช้มอเตอร์พัดลมที่มีประสิทธิภาพสูง สำหรับพัดลมที่ทำงานต่อเนื่องตลอดเวลา

8.สำหรับพัดลมที่ส่งลมเข้าท่อส่งลม ให้การบำรุงรักษาและซ่อมแซมรอยรั่วในท่อส่งลม และควรออกแบบให้ท่อส่งลมมีข้อต่อข้องอหักเหให้น้อยที่สุด

9.ข้อสุดท้ายง่ายสุด ปิดพัดลมในเวลาไม่ใช้ง่าย เช่นช่วงพักเบรก เป็นต้น สำหรับโรงงานไหนที่แก้ข้อนี้ลำบาก ก็ลองพิจารณาติดตั้ง Timer เพื่อเปิดปิดพัดลมตามเวลาที่เราเซ็ทไว้ดูก็ได้

ไม่ว่าจะเป็นพัดลมเป่าตัว พัดลมดูดอากาศเสียไปทิ้ง พัดลมให้อากาศหมุนเวียนในโรงงาน ทุกชนิดจะต้องใช้มอเตอร์ที่กินพลังงานมากเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น

ถ้าหากเราประหยัดพลังงานให้ส่วนนี้ได้ จะทำให้ต้นทุนค่าไฟของเราถูกลงได้อีกครับ

เทคนิคอนุรักษ์พลังงานในมอเตอร์ไฟฟ้า

มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นเครื่องจักรหลักที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมแทบทุกประเภท

บางสถานประกอบการมีมอเตอร์หลายร้อยเครื่อง หากดูแลรักษาและใช้งานไม่ถูกวิธี รวมถึงไม่มีทริคในการอนุรักษ์พลังงาน จะทำให้ค่าไฟสูงขึ้นได้


วันนี้เราจะมาดูเทคนิคอนุรักษ์พลังงานในมอเตอร์ไฟฟ้า 7 ข้อ เพื่อ Save ค่าไฟอย่างง่ายกันครับ


1. เลือกขนาดของมอเตอร์ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับโหลดที่ใช้งาน

2. เลือกใช้มอเตอร์ประสิทธิภาพสูงแทนมอเตอร์ทั่วไปในกรณีที่มีความคุ้มค่าในการลงทุน (การเลือกใช้มอเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น IE3 และ IE4 จะช่วยให้ประสิทธิภาพมอเตอร์สูงขึ้นกว่ามอเตอร์ Standard ทั่วไปประมาณ 4-5%)

3. หมั่นตรวจสอบมอเตอร์และตั้งศูนย์ให้มอเตอร์หมุนได้อย่างลื่นไหลอย่างสม่ำเสมอ

4. บริเวณที่ติดตั้งมอเตอร์ควรให้มีอากาศไหลเวียนช่วยระบายความร้อน (ในกรณีที่อุณหภูมิมอเตอร์เพิ่มสูงขึ้นกว่าค่าพิกัดอุณหภูมิใช้งานมอเตอร์ 10 องศาเซลเซียส จะทำให้อายุการใช้งานของมอเตอร์สั้นลงครึ่งหนึ่ง)

5. ตรวจสอบแรงดันไฟฟ้าขาเข้ามอเตอร์ไม่ให้มีค่าสูงหรือต่ำกว่าค่าพิกัด

6. ทำการบาลานซ์เฟสไฟฟ้าที่ป้อนให้กับมอเตอร์ให้เกิดความสมดุล (กรณีที่แรงดันไม่บาลานซ์จะทำให้กำลังมอเตอร์ลดลง 3-5%)

7. ถ้ามอเตอร์เสียแล้วต้องพันขดลวดใหม่ ให้เลือกร้านซ่อมที่ดีและเนียบในการพันขดลวด (กรณีที่พันขดลวดไม่ดี ส่งผลเสียทำให้ประสิทธิภาพมอเตอร์ลดลง 5-8%)

โรงงานหรืออาคารไหนที่มีมอเตอร์ขนาดใหญ่หรือมีมอเตอร์หลายๆตัว ก็ลองพิจารณาเลือกมาตรการอนุรักษ์พลังงานในมอเตอร์ให้เหมาะสมกับสถานประกอบการของท่านดูนะครับ

มีมาตรการแบบที่ไม่ต้องลงทุนด้วยครับ

สำหรับวันนี้ขอตัวลาไปก่อน พบกันใหม่ในโพสต์ถัดไป สวัสดีครับ

เทคนิคประหยัดค่าไฟในระบบส่งจ่ายไฟฟ้า

สำหรับโรงงานและอาคารที่มีค่าไฟเยอะ


วันนี้ผมจะมาแชร์ 8 เทคนิคการประหยัดค่าไฟแบบง่ายๆ โดยไม่ต้องลงทุนกัน

1. จัดตารางการเดินเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ให้มีความเหมาะสมกับโหลดที่ใช้งาน เช่น Chiller ควรจะเปิดทำงานให้เหมาะสมกับโหลดความร้อนตามแต่ละช่วงเวลาของวัน และตามแต่ละฤดูกาล

2. ปรับเปลี่ยนการเดินเครื่องจักรหรือการผลิตไปไว้ในช่วง Off-Peak ซึ่งมีค่าไฟที่ถูกกว่า ตัวอย่างเช่น บางโรงงานจะย้ายการผลิตที่กินไฟเยอะไปไว้ในช่วงเวลากลางคืนซึ่งตรงกับช่วง Off-Peak เป็นต้น

3. คุมค่าความต้องการสูงสุดไม่ให้สูงกว่าที่กำหนดไว้ หากเข้าใกล้จุดที่จำกัดไว้ ก็ให้หยุดทำงานอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นออกในช่วงเวลาดังกล่าว

4. จัดช่วงเวลาการเริ่มเดินเครื่องจักรที่กินกระแสสูงในช่วงสตาร์ทไว้ในช่วง Off-Peak เพื่อทำให้ค่า Peak Demand ไม่สูงจนเกินไป

5. ตรวจสอบค่า Power Factor รวมไม่ให้ตำ่กว่า 0.9 ถ้าต่ำกว่านี้จะเกิดการสูญเสียในระบบไฟฟ้ามากขึ้น

6. ควรออกแบบการตำแหน่งติดตั้งหม้อแปลงให้ใกล้กับโหลดที่ใช้งานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดการสูญเสียที่เกิดจากสายส่งไฟฟ้า

7. ปลดหม้อแปลงด้านขดลวดปฐมภูมิออก ในกรณีที่ไม่ได้มีโหลดใช้งานในหม้อแปลงดังกล่าวแล้ว

8. ปิดอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้ เช่นในช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์หรือเวลากลางคืน ลดการสูญเสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องมีเงินลงทุนเลย

เพียงแค่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้าในองค์กรของเรา ก็ประหยัดพลังงานและค่าไฟได้แล้วครับ

การนำความร้อนทิ้งกลับมาใช้ใหม่

ความร้อนเหลือทิ้งจากเครื่องจักรหรือกระบวนการผลิตต่างๆ เป็นสิ่งที่สิ้นเปลืองพลังงานเป็นอย่างมาก ในโรงงานอุตสาหกรรมสูญเสียพลังงานในลักษณะนี้เป็นจำนวนมหาศาล

แต่ทราบหรือไม่ว่า จริงๆแล้ว เราสามารถนำความร้อนเหลือทิ้งเหล่านี้กลับมาใช้ประโยชน์ได้อีก ทำให้สูญเสียพลังงานโดยรวมน้อยลง


วันนี้เรามี 5 เทคนิคอนุรักษ์พลังงาน จากการนำความร้อนเหลือทิ้งกลับมาใช้ใหม่ มาฝาก


1. นำความร้อนเหลือทิ้งจากไอเสีย เช่นหม้อไอน้ำ หรือเตาอบ กลับมาใช้ใหม่

2. นำความร้อนเหลือทิ้งจากเตาเผาขยะ หรือเตาเผาสารระเหย Incinerator กลับมาใช้ใหม่

3. ใช้ความร้อนเหลือทิ้ง กลับมาอุ่นน้ำมันเชื้อเพลิง อุ่นน้ำป้อนเข้าหม้อไอน้ำ หรืออุ่นอากาศขาเข้า

4. นำความร้อนเหลือทิ้งไปใช้กับ absorption refrigeration

5. ใช้ heat pump

สำหรับท่านใดที่อยู่ในภาคการผลิตเป็นโรงงานอุตสาหกรรม ลองพิจารณาดูว่า หม้อไอน้ำ หรือเตาเผา ของเราสามารถนำความร้อนเหลือทิ้งกลับมาใช้ได้หรือไม่

ในกรณีถ้าทำได้ก็จะช่วยเราประหยัดค่าเชื้อเพลิงไปได้มาก แต่ทั้งนี้จะต้องประเมินระยะเวลาในการคืนทุนด้วย เพราะมาตรการเหล่านี้จะต้องใช้เงินลงทุนในการติดตั้งอุปกรณ์เข้าไปในระบบเป็นส่วนใหญ่

หากทุกอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเงินลงทุนเหมาะสม ระยะเวลาคืนทุนไม่นาน ก็สามารถทำมาตรการเหล่านี้ได้ครับ

เทคนิคอนุรักษ์พลังงานจากการหุ้มฉนวน

เชื้อเพลิงราคาขยับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของเราสูงขึ้นตาม หากปล่อยเซอร์อย่างนี้ไปเรื่อยๆ อย่างนี้ไม่ดีแน่

วันนี้เราจะมาดูเทคนิค ลดค่าเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นเทคนิคที่เกี่ยวกับเรื่องการหุ้มฉนวน ซึ่งมีเคล็ดลับง่ายๆ 5 ข้อ มาฝากกันครับ


1. ง่ายสุดๆ…ซ่อมแซมฉนวนที่ชำรุด (ทราบหรือไม่ว่าท่อส่งไอน้ำความดัน 8 บาร์ เปลือยไม่หุ้มฉนวนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 150 มม ความยาว 100 ม. จะเกิดการสูญเสียเชื้อเพลิงน้ำมันเตา 25,000 ลิตรต่อปี)

2. เห็นท่อเหล็กเปลือยไม่ว่าจะเป็นการส่งพลังงานความร้อนหรือความเย็น ต้องหุ้มฉนวน

3. บริเวณฉนวนที่เปียก ให้เปลี่ยนโดยหุ้มฉนวนใหม่

4. ผิวฉนวนที่หุ้มไปแล้วต้อง หุ้มทับด้วย Aluminum อีกทีให้เรียบร้อย

5. ให้หุ้มฉนวนบริเวณหน้าแปลน วาล์ว และข้อต่อ ที่มีการส่งผ่านพลังงานความร้อนและเย็นทั้งหมด

สำหรับโรงงานเก่าที่เปิดมานานแล้ว ให้ลองพิจารณาดูเรื่องการเปลี่ยนหรือบำรุงรักษาฉนวนให้คงสภาพดีอยู่เสมอ จะช่วยประหยัดเชื้อเพลิงไปได้มากครับ

ทุกท่านรักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ สวัสดีครับ

ค่า ft ปรับเพิ่มขึ้น มกราคม 65

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมากกพ ได้ประกาศขึ้นค่า ft อีก 16.71 สตางค์/หน่วยทำให้ค่า ft จากเดิมติดลบ 15.32 กลับมาเป็นบวก 1.39 สตางค์/หน่วย ทันที นั่นหมายความว่าค่าไฟรวมจะแพงขึ้นจากค่า ft ที่สูงขึ้น


ค่าไฟที่ปรับขึ้นมีค่าเฉลี่ย 3-5 % แล้วแต่ประเภทกิจการ ส่วนต่างเงินค่าไฟที่ต้องจ่ายเพิ่ม สามารถดูได้ในรูป

สำหรับคนที่ประกอบกิจการควรมีแผนตั้งรับให้ดี เพราะค่าไฟสูงขึ้นนั่นหมายถึงต้นทุนการผลิตสูงขึ้นไปด้วย


ในกรณีที่ไม่อยากปรับราคาสิ้นค้าและบริการให้สูงขึ้นตามต้นทุนค่าไฟที่แพง เราก็อาจหันมาใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้เราใช้พลังงานน้อยลง กดค่าไฟให้ต่ำ จะได้คงราคาต้นทุนโดยรวมของเราไว้ได้

เทคนิคอนุรักษ์พลังงานในเตาเผาอุตสาหกรรม

เตาเผาอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ใช้กันมากในอุตหกรรมผลิตวัตถุดิบตั้งต้น ซึ่งเตาเหล่านี้ใช้พลังงานเยอะมาก

Iron Manufacturing

ดังนั้นหากได้รับการบำรุงรักษาเตาอย่างดี รวมถึงนำเทคนิคอนุรักษ์พลังงานไปใช้ ก็จะทำให้ประหยัดพลังงานได้มากขึ้น


วันนี้เราจะมาดู 5 เทคนิคการอนุรักษ์พลังงานในเตาเผาอุตสหกรรมกันครับ


1. ตรวจเช็คค่าและปรับตั้งค่า O2, CO2, CO และอากาศส่วนเกินให้เหมาะสม

2. ปรับปรุงประสิทธิภาพของหัว Burner และระบบความคุมอุณหภูมิการเผาไหม้ให้ดีขึ้น

3. ควรทำให้ความดันในห้องเผาไหม้มีความดันเป็นบวกเล็กน้อย

4. ปริมาณโหลดชิ้นงานกับขนาดความจุของเตาจะต้องเหมาะสมกัน (ไม่ใส่โหลดน้อยในเตาใหญ่ เพราะสิ้นเปลืองพลังงาน)

5. ลงทุนปรับปรุงระบบโดยการนำความร้อนทิ้งกลับมาใช้

นี่คือ 5 ทริปง่ายๆ ที่นำไปประยุกต์ใช้ เพื่อให้เตาอุตสาหกรรมของโรงงานเรานั้น ได้ใช้พลังงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

10 เทคนิคอนุรักษ์พลังงานในระบบส่งไอน้ำ

ระบบส่งไอน้ำถือเป็นตัวกลางระหว่างไอน้ำที่ผลิตจากหม้อไอน้ำต้นทาง ไปยังเครื่องจักรและสายการผลิตต่างๆ


ถ้าระบบส่งไอน้ำมีการสูญเสียพลังงานมาก เท่ากับว่าต้นทางก็ต้องใช้เชื้อเพลิงเพิ่มมากขึ้น

วันนี้เราจะมาดู 10 เทคนิคง่ายๆ ที่สามารถช่วยให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในระบบส่งไอน้ำกัน
1. ตรวจสอบและซ่อมบำรุง ไอน้ำรั่วและ condensate ที่รั่ว ( (รูไอน้ำที่รั่วขนาด 3 มม บนท่อส่งไอน้ำที่มีแรงดัน 7 บาร์ จะสูญเสียเชื้อเพลิงประมาณ 33000 ลิตรต่อปี) มาตรการนี้ถึอเป็นภาคบังคับ ควรระบุอยู่ในแผนซ่อมบำรุงประจำปี

2. มีการควบคุมอุณหภูมิในกระบวนการผลิตที่ใช้ไอน้ำ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ตั้งไว้เสมอ

3. พยายามรักษาระดับการผลิตแรงดันไอน้ำต้นทางให้เหมาะสมกับแรงดันที่ใช้ปลายทาง ไม่ควรผลิตแรงดันไอน้ำสูงเกินมากไปกว่าความต้องการใช้

4. พยายามลดท่อส่งไอน้ำที่ซ้ำซ้อนออกจากระบบ

5. ควรนำ Condensate ในระบบส่งไอน้ำกลับมาใช้ใหม่ (น้ำป้อนมี อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 6 องศาเซลเซียส สามารถประหยัดเชื้อเพลิงที่ใช้ในหม้อไอน้ำได้ 1%)

6. ควรทำให้อุณหภูมิน้ำป้อนสูงขึ้น จาก waste heat

7. ตรวจสอบและซ่อมบำรุง Steam trap อย่างสม่ำเสมอ

8. พิจารณานำความร้อนจาก Blowdown กลับมาใช้ใหม่

9. ซ่อมแซมและหุ้มฉนวนส่วนที่เป็นท่อเปลือยและชำรุด

10. พิจารณาออกแบบท่อเมนและท่อส่งให้มีความสอดคล้องกัน เพื่อลดการสูญเสียความดันในระบบส่งไอน้ำ


ระบบส่งไอน้ำก็เหมือนเส้นเลือดหล่อเลี้ยงไอน้ำไปยังกระบวนการผลิตของเรา ถ้ามีปัญหาจะทำให้สิ้นเปลืองการใช้เชื้อเพลิงเป็นจำนวนมาก


ดังนั้นจึงควรดูแลระบบส่งไอน้ำให้ดี จะเกิดการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าในองค์กรได้ครับ

10 เทคนิคอนุรักษ์พลังงานในหม้อไอน้ำ

หม้อไอน้ำถือเป็นเครื่องจักรที่ใช้พลังงานในรูปแบบเชื้อเพลิงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะโรงงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตอาหาร


วันนี้มีเทคนิคการอนุรักษ์พลังงานในหม้อไอน้ำ 10 ข้ออย่างง่ายที่สามารถทำได้ที่โรงงานของท่านมาให้ดูกันครับ


1. อุ่นอากาศก่อนเข้าเผาไหม้ด้วยไอเสีย (อุณหภูมิ 22 องศาเซลเซียสของไอเสียที่ลดลง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหม้อไอน้ำให้ดีขึ้น 1 %)

2. ใช้ VSD ปรับรอบมอเตอร์ส่งจ่ายลมเข้าห้องเผาไหม้แบบอัตโนมัติ (Variable flows) ตามปริมาณอากาศที่หม้อไอน้ำต้องการ

3. ทำความสะอาด หัวเผา nozzle และ strainer อย่างสม่ำเสมอ

4. หุ้มฉนวนกันความร้อนถังเก็บน้ำมันที่ยังไม่ได้หุ้ม

5. ปรับค่าออกซิเจนเข้าเผาไหม้ให้เหมาะสมอยู่เสมอตามชนิดของเชื้อเพลิง (5% ของการปรับลดออกซิเจนส่วนเกินให้เหมาะสม เพิ่มประสิทธิภาพหม้อไอน้ำ 1%)

6. ปรับตั้งเวลา Blowdown ของหม้อไอน้ำให้เหมาะสม ไม่ควร Blowdown นานเกินไป ทำให้สูญเสียความร้อนในรูปน้ำที่โบลว์ออก

7. ตรวจสอบและซ่อมแซมยางซีลของหม้อไอน้ำ

8. ตรวจสอบและทำความสะอาดตะกรันในท่อฝั่งน้ำอย่างสม่ำเสมอ (ตะกรันหนา 1 มม อาจทำให้ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นประมาณ 5-8%)

9. ตรวจสอบและทำความสะอาดคราบเขม่า รอบท่อฝั่งไฟอย่างสม่ำเสมอ (คราบเขม่าหนา 3 มม อาจทำให้ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นประมาณ 2.5%)

10. นำ Condensate กลับมาใช้ใหม่ในระบบ

สุดท้ายนี้หวังว่าในยุคที่น้ำมันเริ่มแพงขึ้น เทคนิคการอนุรักษ์พลังงานในหม้อไอน้ำ ก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้สถานประกอบการของเราอีกทางหนึ่งนะครับ

3 วิธี ประหยัดค่าไฟฟ้า จาก ปั๊มลม

วิธีลดค่าไฟจากปั๊มลมง่ายๆ ได้ผลจริง

เชื่อหรือไม่…ปั๊มลมขนาด 75 HP เปิดใช้งาน 1 ปี กินค่าไฟเท่ากับราคารถยนต์โตโยต้า แคมรี่ รุ่นท็อปป้ายแดง 1 คัน

เป็นการใช้พลังงานที่มหาศาลมาก

หากเราปล่อยปะละเลยไม่ใส่ใจเกี่ยวกับปั๊มลม อาจทำให้ค่าไฟของโรงงานเราพุ่งกระฉูดได้

วันนี้ผมจะมาแชร์ความรู้ วิธีการประหยัดค่าไฟจากปั๊มลมง่ายๅ 3 วิธี ที่ทุกท่านสามารถทำได้ที่โรงงานของท่านกัน

1. ซ่อมแซมจุดลมรั่ว – ดูเหมือนเป็นอะไรที่ง่ายๆ แต่สถานประกอบการหลายแห่งก็มองข้ามเรื่องนี้ไป ไม่ได้วางแผนที่จะซ่อมบำรุงลมรั่วอย่างจริงจัง นานวันเข้า มีจุดรั่วมากขึ้น ก็สิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น บางโรงงานถึงขนาดมีปริมาณลมรั่วเท่ากับปั๊มลมขนาด 22 kW หนึ่งเครื่องก็มี (รั่วเยอะมากกก)

ดังนั้นควรวางแผน กำหนดระยะเวลาซ่อมบำรุงให้ดี หากทำได้หลายครั้งในรอบปี ก็จะทำให้ช่วยประหยัดพลังงานได้มากขึ้น

2. ใช้ลมให้เหมาะสม – ไม่ควรนำลมอัดไปเป่าตัว เพราะลมอัดเป็นลมที่มีราคาแพง เกิดจากการใช้พลังงานบีบอัดลมให้มีแรงดันสูงขึ้น เพื่อใช้ในเครื่องจักร

หากเรานำลมอัดมาเป่าตัวแล้ว จะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานเป็นอย่างมาก

3. ตั้งแรงดันอากาศอัดให้เหมาะสม – เราต้องสำรวจเครื่องจักรและอุปกรณ์ในโรงงานของเราก่อนว่าต้องการแรงดันลมอัดเท่าไหร่ ตัวอย่าง ถ้าเครื่องจักรต้องการแรงดันลม 4 บาร์ ก็ไม่ควรตั้งแรงดันลมที่ผลิตจากปั๊มลมให้สูงเกินกว่า 4 บาร์มากเกินไป อาจจะตั้งประมาณ 6.5 บาร์เพื่อเผื่อแรงดันสูญเสียในท่อลมในระบบ

หากเห็นว่าเรายังตั้งสูงไปอยู่ ก็สามารถทดลองลดแรงดันได้อีก แล้วดูว่าเครื่องจักรยังใช้งานได้ปกติดี ไม่มีผลกระทบต่อการผลิตก็ถือว่าใช้ได้.การตั้งแรงดันลมอัดสูงเกินไป จะทำให้เราใช้พลังงานในการผลิตลมอัดที่มากขึ้นตามไปด้วย

ดังนั้นหากตั้งแรงดันลมอัดให้เหมาะสม ก็ถือว่าเป็นการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เป็นอย่างไรบ้างครับ กับวิธีลดค่าไฟจากปั๊มลมแบบง่ายๆ เห็นว่าทำไม่ยากเลยใช่ไหมครับ และบางอย่างไม่ต้องใช้เงินลงทุนด้วย

สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านประสบความยั่งยืนด้านพลังงานนะครับ

วันนี้ขอตัวลาไปก่อน

สวัสดีครับ