Category Archives: คลังความรู้และเทคนิคประหยัด

แนวทางในการประหยัดพลังงานในระบบอากาศอัด

สำหรับโรงงานไหนที่ติดตั้งปั๊มลม และมีการใช้ลมอัด

วันนี้ผมมีแนวทางในการประหยัดค่าไฟจากปั๊มลมมาฝากกัน

ลองทำดูนะครับ บางมาตรการไม่ต้องใช้เงินลงทุนเลย ช่วงนี้ค่าไฟแพง เซฟพลังงานอะไรได้ถือว่าเซฟเงินในกระเป๋าได้เยอะครับ

ปัญหาที่มักพบเจอในระบบอัดอากาศ

โรงงานอุตสหกรรมส่วนใหญ่มีปั๊มลมอยู่ในโรงงาน ซึ่งเป็นเครื่องจักรที่กินพลังงานมาก

วันนี้เราจะมาดู สถิติส่วนใหญ่ของปัญหาที่มักจะพบเจอกับระบบอัดอากาศกัน

ความเป็นมาการอนุรักษ์พลังงานไทย

คนที่อยู่ในแวดวงการอนุรักษ์พลังงานอาจจะไม่ทราบว่า เมื่อก่อนกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ) ไม่ได้มีชื่อนี้มาตั้งแต่ต้น และก็ไม่ได้สังกัดกระทรวงพลังงานมาตั้งแต่ต้นด้วย

ก่อนหน้านี้ พพ เปลี่ยนมาจากหน่วยงานที่มีชื่อว่า กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเปลี่ยนเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2545

อ้าว แต่ พรบ การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มีมาตั้งแต่ปี 2535 และมันมีที่มาที่ไปอย่างไรถึงต้องมี พรบ และหน่วยงานนี้ วันนี้ผมจะมาเล่าความเป็นมาของการอนุรักษ์พลังงานไทยให้ฟังครับ

เริ่มจากยุคน้ำมันแพง ยุคแรก ปี 2516 เกิดวิกฤตการณ์น้ํามันขึ้น จากกรณีองค์การกลุ่ม ประเทศผู้ส่งน้ํามันออก (OPEC) ตัดสินใจหยุดส่งออก น้ํามัน (Embargo) อันเป็นผลสืบเนื่องจากสงคราม ยมคิปปูร์ (Yom Kippur War) ทำให้ราคาน้ํามันดิบปรับตัวเพิ่มกว่า 300%

จึงทำให้ประเทศไทยดำเนินการออกพระราชกําหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการ ขาดแคลนน้ํามันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 ให้อํานาจ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น (นายสัญญา ธรรมศักดิ์) ในการกําหนดมาตรการชั่วคราวต่างๆ เช่น การ ปันส่วนน้ํามันเชื้อเพลิงหรือการกําหนดเวลาเปิด- ปิด สถานประกอบการต่างๆ

ปี 2522 -2523 เกิดการปฏิวัติอิหร่านขึ้น ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นถึง 250% ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนักจากการขาดแคลนน้ำมัน รัฐบาลพยายามแก้ไขโดยออกมาตรการตรึงราคาน้ํามันเพื่อชะลอการขึ้น ราคาน้ํามัน ซึ่งส่งผลให้ประเทศมีการใช้เงินตรา ต่างประเทศในการนําเข้าน้ํามันเป็นจํานวนมาก ส่งผลให้มีการขาดดุลการค้า

หลังจากนั้นรัฐบาลได้ประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 5 (พ.ศ.2525 – 2529) ได้กําหนดมาตรการต่างๆ เช่นการลดการนําเข้าน้ํามันอย่างน้อยร้อยละ 3 ต่อปี การลอยตัวราคาน้ํามันให้สะท้อนสภาวะจริง และการปลูกฝังให้ประชาชนอนุรักษ์พลังงานโดย บรรจุในหลักสูตรการศึกษาทุกระดับ ทำให้ประชาชนเกิดความตระหนักรู้ทางด้านการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่ามากขึ้น

ปี 2533 อิรักบุกคูเวต โดยซัดดัม ฮุสเซ็น เป็นผู้นำ ทั่วโลกเกิดความกังวลเรื่องพลังงาน ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเกือบ 300% ในจังหวะนี้เองที่ประเทศไทย เจอวิกฤตระลอกที่สาม จึงส่งผลให้รัฐบาลเร่งรัดให้มีการออกกฎหมายการอนุรักษ์พลังงานให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว จึงได้มี การออกร่างกฎหมายพระราชบัญญัติการส่งเสริม การอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 ในวันที่ 3 เมษายน 2535 ซึ่งออกโดยกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม

ปี 2535 พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ได้มีผลบังคับใช้ และออกกฎหมายอื่นๆ ที่ เกี่ยวข้อง ได้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และกองทุนน้ํามันเชื้อเพลิงโดยให้มีการ เก็บเงินเข้ากองทุนในรูปแบบภาษีน้ํามัน กําหนดเกณฑ์การเป็นโรงงานและอาคารควบคุม ซึ่งมีหน้าที่จะต้องจัดให้มีผู้รับผิดชอบด้านพลังงานและนําส่งข้อมูลการผลิต การใช้พลังงาน และการอนุรักษ์พลังงานให้แก่ภาครัฐ อีกทั้งก่อตั้งคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการ อนุรักษ์พลังงาน มีหน้าที่หลักในการพิจารณาการ จัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อดําเนินมาตรการเพื่อการ อนุรักษ์พลังงาน

ปี 2538 ได้จัดทําและดําเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงานระยะที่ 1 ปีงบประมาณ พ.ศ.2538 – 2542 โดยมุ่งเน้นในด้านการอนุรักษ์พลังงานในโรงงานและอาคารควบคุมผ่านการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ ประสิทธิภาพสูง และการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ด้านพลังงาน

แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเกิดวิกฤตการณ์ต้มยํากุ้งในปี 2540 ทําให้โรงงานและอาคารต่างๆ ไม่มีเงินทุนในการดําเนินการด้านอนุรักษ์พลังงาน ประกอบกับการขาดทรัพยากรบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการอนุรักษ์พลังงานเพียงพอ จึงทําให้การดําเนินงานสามารถประเมินผลความสําเร็จได้ยาก

ปี 2545 กำเนิดกระทรวงพลังงาน รวบรวมหน่วยงานราชการในสังกัดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงาน เข้าไว้ในกระทรวงพลังงาน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน หลังจากนั้นได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน สังกัดกระทรวงพลังงาน ดังเช่นปัจจุบัน

ปี 2548 จัดทําและดําเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงานระยะที่ 2 ปี พ.ศ.2548 – 2554 และแผนอนุรักษ์พลังงานระยะที่ 3 ปี 2550 – 2554 และจัดให้มีมาตรการสนับสนุนทางการเงินหลากรูปแบบ เช่น เงินกู้หมุนเวียนดอกเบี้ยต่ำ สิทธิประโยชน์ทางภาษี กองทุนร่วมลงทุนกับบริษัท จัดการพลังงาน (Energy Service Companies)

ปี 2550 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของวงการอนุรักษ์พลังงานอีกครั้งหนึ่ง โดยได้ปรับปรุงพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์ พลังงาน พ.ศ.2535 เป็นฉบับแก้ไข พ.ศ. 2550 โดยมีประเด็นการแก้ไขสําคัญได้แก่การกําหนดค่าประสิทธิอุปกรณ์ขั้นต่ำและขั้นสูง การกําหนดให้อาคารก่อสร้างใหม่ต้องออกแบบให้ได้มาตรฐานด้านพลังงาน อีกทั้งยังจัดให้มีการปรับปรุงระบบการจัดการพลังงานอย่างเป็นขั้นตอน (การจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอนที่พวกเราคุ้นชินกันนั่นเอง)

ปี 2554 จัดทําและดําเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี โดยตั้งเป้าหมายในการลดความเข้มการใช้พลังงานลง 25% ในปี 2573 เมื่อเทียบ กับปี 2548 หรือ เทียบเท่า การลดการใช้พลังงานขั้นสุดท้าย (final energy) ลง 20% ในปี 2573 หรือประมาณ 30,000 พันตันเทียบเท่าน้ํามันดิบ (ktoe)

และมีมาตรการทั้งภาคบังคับด้วยกฎระเบียบกับภาค การสนับสนุนและส่งเสริม โดยภาคบังคับที่ สําคัญ คือ การบังคับใช้พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และฉบับ ปรับปรุง พ.ศ. 2550 (การตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน) อีกทั้งยังออกกําหนดมาตรฐานขั้นต่ำและฉลากประสิทธิภาพพลังงาน ส่วนภาคการสนับสนุนและส่งเสริมที่สําคัญ คือ การให้เงิน อุดหนุนเพื่อชดเชยผลประหยัดพลังงานที่ตรวจ พิสูจน์หรือประเมินได้ (Standard Offer Program หรือ SOP)

ปี 2558 จัดทําและดําเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2558 – 2579 (EEP 2015) ตั้งเป้าหมายลดความเข้มการใช้พลังงาน (Energy Intensity; EI) ลงร้อยละ 30 ในปีพ.ศ. 2579 เมื่อ เทียบกับปี พ.ศ. 2553

นอกจากนี้ยังจัดทําเป้าหมายโดยคํานึงถึงเป้าหมายภายใต้กรอบ ความร่วมมือ APEC ซึ่งมีเป้าหมายร่วมในการลด EI ลงร้อยละ 45 ในปี พ.ศ. 2578 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2548 และเน้นมาตรการบังคับใช้มาตรฐานการอนุรักษ์ พลังงานใน โรงงาน/อาคารควบคุม มาตรการ ช่วยเหลือ/อุดหนุนการดําเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานและมาตรการอนุรักษ์พลังงาน ภาคขนส่ง

ปี 2563 จัดทําและดําเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2561 – 2580 (EEP 2018) รักษาระดับเป้าหมาย การลด EI ลงร้อยละ 30 ภายในปีพ.ศ. 2580 เมื่อเทียบกับปีฐาน พ.ศ. 2553 โดยมีเป้าหมายในการลดการใช้ปริมาณ พลังงานเชิงพาณิชย์ให้ได้ทั้งสิ้น 49,064 ktoe ของปริมาณการใช้พลังงาน ขั้นสุดท้ายทั้งหมด เมื่อเทียบกับปีฐาน พ.ศ. 2553

และเพิ่มเติมมาตรการด้านนวัตกรรมเพื่อต่อยอดและ รองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และรูปแบบ การใช้พลังงาน รวมถึงการเพิ่มมาตรการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในภาคเกษตรกรรมเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย Energy for all ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ ฐานรากให้มั่นคงและยั่งยืน

สำหรับท่านใดที่อ่านมาถึงตรงนี้ ถือว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของวงการอนุรักษ์พลังงานตัวจริง

คงจะเห็นคร่าวๆ แล้วว่าวิวัฒนาการขององค์กร นโยบาย รวมถึงกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์พลังงานเป็นอย่างไร

จะได้เป็นภาพกว้างเชิง Background สามารถประหยัดเวลาในการหาข้อมูลเจาะลึกกับเนื้อหาที่ทุกท่านสนใจต่อไป

เทคนิคอนุรักษ์พลังงานในระบบ HVAC (ต่อ)

จากโพสต์ที่ผ่านมาเราได้พูดถึงเทคนิคอนุรักษ์พลังงานในระบบ HVAC 10 ข้อแรกไปแล้ว

วันนี้จะมาดูอีก 10 ข้อที่เหลือกันนะครับ

1. บริเวณที่โหลดสินค้า ควรป้องกันความร้อนเข้าพื้นที่ปรับอากาศภายในอาคารโดย ติดตั้งประตูโหลดของให้มีไซส์เหมาะสมกับรถขนส่ง และความมีการติดตั้งม่านพลาสติกใส เพื่อทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานให้น้อยที่สุด

2. ติดตั้งพัดลมเพดาน เพื่อลดความร้อนบริเวณชั้นด้านบนของอาคารให้น้อยลง

3. พิจารณาลดความสูงของเพดาน (อาคาร)

4. ไม่ควรมีสิ่งต่างๆ ไปบังคอยล์ร้อน (CDU) และคอยล์เย็น (FCU) ของระบบปรับอากาศ เพราะจะทำให้การระบายความร้อนและการส่งผ่านความร้อนทำได้ไม่ดี เปลืองพลังงานมากยิ่งขึ้น

5. ทำความเย็นเฉพาะจุด ตัวอย่างเช่น กรณีโรงงานการผลิต (บางประเภท) ไม่จำเป็นที่จะต้องปรับอากาศเต็มพื้นที่ แต่ควรติดตั้งให้มีพัดลมเป่าลมเย็นใส่ตัวผู้ปฎิบัติงาน หรืออาจจะใช้เป็นพัดลมเพดานก็ได้

6. ควรติดตั้งห้องลมกลับ (Air Return Chamber) เหนือฝ้าหรือเพดานให้เรียบร้อย ไม่ควรให้มีรูรั่วใน Chamber เพราะจะทำให้ FCU ดูดเอาอากาศร้อนเหนือฝ้า มาเข้าคอยล์เย็น ทำให้ต้องใช้พลังงานในการทำความเย็นมากขึ้น (ปัญหานี้พบมากที่สุดในภาคอาคาร ควรต้องคุยให้ดีกับผู้รับเหมาติดตั้งแอร์ตั้งแต่เริ่มต้นก่อสร้างอาคาร)

7. ไม่ควรเลือกขนาด FCU (Centerlize system) หรือขนาดของแอร์ (Split type) ให้ใหญ่ (Oversize) จนเกินไป เพราะจะทำให้ระบบปรับอากาศ ไม่สามารถควบคุมความชื้นได้ สุดท้ายจะส่งผลให้ผู้อยู่ในห้องปรับอากาศอึดอัดจากความชื้นที่อยู่ในอากาศ

8. ปรับลดความเร็วลมของพัดลม HVAC ลงให้เหมาะสมกับโหลดและช่วงเวลาการใช้งาน

9. ซ่อมรอยรั่วของคอยล์ต่างๆ ในกรณีที่เป็นแอร์ระบบน้ำยา ควรรีบเร่งดำเนินการ

10. ควรจัดทำคู่มือในการบำรุงรักษาระบบ HVAC อย่างมีประสิทธิและอธิบายให้กับทีมงานช่างซ่อมบำรุงเข้าใจ เพื่อให้ปฎิบัติตามคู่มือได้อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ

แนะนำเพิ่มเติม สำหรับสถานประกอบการที่ก่อสร้างมาอย่างยาวนาน ที่ต้องการทำเรื่องอนุรักษ์พลังงานในระบบ HVAC อาจจะลองปรับปรุงเป็นโซนหรือรายอุปกรณ์ก่อนก็ได้ เพราะถ้าทำทั้งหมดในคราวเดียวจะเป็นงานที่มากจนเกินไป อาจเป็นการบั่นทอนจิตใจในการทำเรื่องอนุรักษ์พลังงานได้

พบกันใหม่โพสต์ต่อไป สวัสดีครับ

การประหยัดพลังงานในระบบ HVAC

ระบบ HVAC หรือเรียกง่ายๆว่า ระบบปรับอากาศ มีการใช้พลังงานเป็นอย่างมากโดยเฉพาะภาคอาคาร รวมถึงโรงงานที่ปรับอากาศในพื้นที่การผลิต

ดังนั้นการดูแลรักษาและการใช้งานอย่างถูกวิธีจะเป็นการช่วยเซฟพลังงานทางอ้อมด้วย

วันนี้เราจะมาดูวิธีประหยัดพลังงานอย่างง่ายๆ 10 ข้อกัน

1. ปรับจูนระบบ HVAC โดยใช้ระบบควบคุมที่มีประสิทธิภาพเข้ามาใช้ จะทำให้ใช้พลังงานได้อย่างคุ้มค่า

2. สำหรับอาคารที่มีค่อนข้างเก่า ให้พิจารณาซ่อมแซมระบบ BAS (Building Automation System) หรือ ระบบ EMS (Energy Management System) ที่ชำรุด เพื่อให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ หรือในกรณีที่ยังไม่ได้ติดตั้งระบบเหล่านี้ ก็ควรพิจารณาในการติดตั้งเพิ่มเติมเข้าไปในตัวอาคาร

3. หลายอาคารและโรงงานมักจะพบว่า ตัวตั้งค่าอุณหภูมิ (Thermostat) จะเป็นอนาล็อกแบบเก่า ซึ่งเสียและชำรุด จึงทำให้ FCU หรือ AHU ไม่ตัดการทำงานตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ ทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน ควรเปลี่ยนเป็นแบบดิจิตอล ซึ่งมีความแม่นยำในการตัดต่อมากกว่า

4.ใช้ Air-to-Air heat exchangers หรือตัวแลกเปลี่ยนอุณหภูมิอากาศ ระหว่างอากาศเย็นที่ระบายออก กับอากาศร้อนที่นำเข้าอาคาร เหมือนเป็นการ pre cooled อากาศเข้าอาคารให้เย็นลงทำให้ประหยัดพลังงานในระบบปรับอากาศมากขึ้น

5. สำรวจการใช้งานของอาคารและโรงงานของเรา ว่ามีช่วงเวลาใดที่จะสามารถลดการทำงานของระบบ HVAC ได้บ้าง เช่นปิดก่อนเวลาเลิกงาน เป็นต้น

6. สำหรับห้องที่ต้องการปรับอากาศตลอดเวลา เช่นห้อง Server ควรติดตั้งระบบ HVAC แยกต่างหากจากส่วนอื่น เพราะจะได้ไม่ต้องให้ Chiller ตัวใหญ่ซึ่งใช้พลังงานมาก แบกรับการผลิตนำ้เย็นให้กับระบบปรับอากาศแต่เพียงห้องเดียว

7. แยกระบบปรับอากาศและระบายอากาศ สำหรับห้องที่ต้องการอากาศถ่ายเทที่มากกว่าปกติ ออกจากส่วนอื่นของอาคาร เช่น ห้องครัว ห้องซักรีดซักล้าง ห้องติดตั้งเจนเนอเรเตอร์ เป็นต้น

8. ควรทำความสะอาด Fan coil หรือ AHU อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการใช้แปรงหวีสิ่งสกปรกบริเวณครีบฟินออกด้วย และควรกำหนดความถี่ในการทำความสะอาดให้เหมาะสมกับความสกปรกของ Fan coil (บางที่สกปรกเร็วมาก 2 สัปดาห์/ครั้ง บางที่สกปรกช้าหน่อย 1 เดือน/ครั้ง)

9. อัพเกรดฟิลเตอร์หรือกรองอากาศ ให้มีประสิทธิภาพดีขี้น เพื่อลด pressure drop ส่งผลให้มอเตอร์พัดลมใช้พลังงานน้อยลง

10. หมั่นทำความสะอาดฟิลเตอร์อย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยเดือนละครั้ง

จริงๆ แล้วในเรื่อง HVAC นี้มีเทคนิคอื่นๆ ให้พูดกันอีกมาก จะมาพูดต่อไปในโพสต์หน้า

สำหรับครั้งนี้ ลองดูว่าเทคนิคข้อไหนน่าสนใจหรือข้อไหนที่เรามองข้ามไป อย่างไรก็ลองไปปรับใช้ในองค์กรของท่านกันนะครับ

โพสต์นี้ขอจบเพียงเท่านี้ และพบกันใหม่โพสต์หน้า

ขอให้มีความสุขและพักผ่อนให้เต็มที่ในวันสุดสัปดาห์กันนะครับ สวัสดีครับ

เยอรมนีจำใจกลับมาใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้า

เยอรมนี ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำที่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นประเทศที่จะใช้แต่พลังงานสะอาด

แต่วันนี้ จำใจต้องหันกลับมาใช้ถ่านหินอีกครั้ง เพราะความจำเป็น

เป็นเพราะเหตุใด?

ก่อนหน้านี้เยอรมนี เป็นประเทศที่ใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าเยอะมาก ย้อนกลับไปปี 2013 มีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินถึง 45% จากการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด

เนื่องจากนโยบายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งผลให้ผู้นำประเทศในเวลานั้น ตั้งธงประเทศของตัวเองจะต้องผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเพิ่มมากขึ้น และลดการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินลง

หลังจากนั้นเยอรมนีก็ทำได้ โดยต้นปี 2020 มีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินลดลงเหลือ 24% เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม 23% และพลังงานแสงอาทิตย์ 10% ส่วนก๊าซธรรมชาติที่ใช้ผลิตไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วน 10.4%

เรียกได้ว่าเป็นไปในทิศทางที่ตัวเองตั้งเป้าไว้

แต่เมื่อต้นปี 2022 ได้เกิดสงครามขึ้นระหว่างยูเครนและรัสเซียส่งผลลากยาวมาถึงปัจจุบัน ทำให้ชาติตะวันตกซึ่งก็รวมถึงประเทศเยอรมนี ลงมติหันมาคว่ำบาตรรัสเซีย ไม่สนับสนุนและซื้อสินค้าจากรัสเซีย

ก๊าซธรรมชาติก็เป็นหนึ่งในสินค้าที่เยอรมนีสั่งซื้อจากรัสเซียด้วย โดยเยอรมนีนำเข้าก๊าซจากรัสเซียสูงถึง 55% จากการนำเข้าก๊าซธรรมชาติทั้งหมด

ทำให้ก๊าซธรรมชาติเกิด supply shortage ราคาพุ่งสูงขึ้น ทุกคนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า อีกอย่างก็ทำให้ก๊าซธรรมชาติไม่เพียงพอต่อการนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าด้วย

รัฐบาลเยอรมนีต้องจำใจหันกลับมาใช้ถ่านหินในการผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นอีกครั้งหนึ่ง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อช่วยให้มีแหล่งพลังงานสำหรับผลิตไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในประเทศ

เยอรมนีไม่อยากทำอย่างนี้แต่ก็ต้องจำยอมเพื่อแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า เพราะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยจากถ่านหินจะมากกว่าก๊าซธรรมชาติเกือบเท่าตัว จึงส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนมากขึ้น

เหตุการณ์สงครามที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะเยอรมนี เนื่องด้วยรัสเซียเป็นผู้ครอบครองและส่งออกน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ รายใหญ่ของโลก

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เรียกได้ว่าโลกร้อนขึ้นอาจเป็นเพราะสงครามก็เป็นได้

เทคนิคอนุรักษ์พลังงานใน DG SET

ในยุคน้ำมันแพง สำหรับโรงงานและอาคารที่มีดีเซลเจนเนอร์เรเตอร์ (DG SET) ควรมีเทคนิคอนุรักษ์พลังงาน เพื่อช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิงให้กับองค์กร

วันนี้เราจะมาดูเทคนิคง่ายๆที่สามารถทำได้กัน

1. เลือกรันโหลดให้มีขนาดเหมาะสม

2. ทำความสะอาดกรองอากาศอยู่เป็นประจำ

3. หุ้มฉนวนท่อไอเสียเพื่อลดความร้อนสะสมในห้องที่ติดตั้ง DG SET

4. ทดสอบเครื่องอยู่เป็นระยะและบำรุงรักษาให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

ถึงแม้โดยส่วนใหญ่ เราจะใช้ DG SET ในการสำรองไฟฟ้าเป็นหลัก แต่ในยุคปัจจุบันนี้ค่าพลังงานทุกอย่างแพงไปหมด ดังนั้นอะไรที่เราพอจะทำได้ก็จำเป็นต้องทำเพื่อช่วยเซฟค่าใช้จ่ายองค์กรของเรา

เทคนิคอนุรักษ์พลังงานในอาคาร

จุดตั้งต้นของการที่เรามีค่าใช้จ่ายด้านพลังงานมาก ส่วนใหญ่มาจากการออกแบบอาคารไม่ได้คำนึงถึงเรื่องการใช้พลังงานในอาคารมาเป็นส่วนประกอบ ทำให้มีความร้อนเข้ามามาก จึงต้องใช้พลังงานปรับอากาศมากตาม

วันนี้เราจะมาดูการเซฟการใช้พลังงานตั้งแต่ต้น ในเรื่องของกรอบอาคารกัน

1. อุดและซ่อมแซมรอยรั่วบริเวณกรอบผนัง เพดานและหลังคาทั้งหมด เพื่อป้องกันอากาศร้อนรั่วซึมเข้ามาได้

2. ติดตั้งฉนวนกันความร้อนที่หลังคา รวมถึงผนังบริเวณที่โดนความร้อนตลอดทั้งวัน และสำหรับหน้าต่างที่โดนแสงส่องตลอด ให้ติดตั้งกันสาดหรือ Shading ป้องกันแสงและความร้อนเข้าตัวอาคารโดยตรง

3. ติดตั้งม่านลม บริเวณทางออกของอาคารปรับอากาศ เพื่อป้องกันความร้อนและความชื้นเข้ามาในตัวอาคาร ซึ่งส่งผลให้ระบบปรับอากาศใช้พลังงานมากขึ้น

4. พิจารณาเปลี่ยนหน้าต่างเป็นแบบกระจกสองชั้นกันความร้อน

5. พิจารณาหาฉนวนหรือโฟมกันความร้อนมาปิดทับ หน้าต่างหรือกระจกที่ปิดม่านตลอดเวลา จะช่วยป้องกันความร้อนเข้าตัวอาคารได้ค่อนข้างเยอะ

6. ติดตั้งระบบเปิดปิดประตูอัตโนมัติ ป้องกันการเปิดประตูทิ้งไว้ของอาคารปรับอากาศ

7. สำหรับคลังกระจายสินค้าปรับอากาศ ให้เลือกติดตั้งขนาดประตูโหลดของให้เหมาะสมกับรถขนส่ง ถ้าขนาดประตูใหญ่กว่ารถขนส่ง จะเกิดการส่งผ่านความร้อนเข้าตัวอาคาร ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานอย่างมหาศาล

8. ถ้าเป็นไปได้ให้แม่บ้านทำความสะอาดในช่วงเวลาทำงานของคนในสำนักงาน เพราะจะช่วยลดเวลาการเปิดแอร์ เปิดไฟ หลังเลิกงานได้

เห็นว่าทั้ง 8 ข้อ ที่กล่าวมา เป็นสิ่งที่เรามักมองข้าม เพราะมันฝังอยู่ในตัวอาคาร ส่วนใดที่เราปรับแก้ได้ จะทำให้เราประหยัดพลังงานตั้งแต่เริ่มต้น

แล้วพบกันใหม่ โพสต์หน้า สวัสดีครับ