ความเป็นมาการอนุรักษ์พลังงานไทย

คนที่อยู่ในแวดวงการอนุรักษ์พลังงานอาจจะไม่ทราบว่า เมื่อก่อนกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ) ไม่ได้มีชื่อนี้มาตั้งแต่ต้น และก็ไม่ได้สังกัดกระทรวงพลังงานมาตั้งแต่ต้นด้วย

ก่อนหน้านี้ พพ เปลี่ยนมาจากหน่วยงานที่มีชื่อว่า กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเปลี่ยนเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2545

อ้าว แต่ พรบ การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มีมาตั้งแต่ปี 2535 และมันมีที่มาที่ไปอย่างไรถึงต้องมี พรบ และหน่วยงานนี้ วันนี้ผมจะมาเล่าความเป็นมาของการอนุรักษ์พลังงานไทยให้ฟังครับ

เริ่มจากยุคน้ำมันแพง ยุคแรก ปี 2516 เกิดวิกฤตการณ์น้ํามันขึ้น จากกรณีองค์การกลุ่ม ประเทศผู้ส่งน้ํามันออก (OPEC) ตัดสินใจหยุดส่งออก น้ํามัน (Embargo) อันเป็นผลสืบเนื่องจากสงคราม ยมคิปปูร์ (Yom Kippur War) ทำให้ราคาน้ํามันดิบปรับตัวเพิ่มกว่า 300%

จึงทำให้ประเทศไทยดำเนินการออกพระราชกําหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการ ขาดแคลนน้ํามันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 ให้อํานาจ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น (นายสัญญา ธรรมศักดิ์) ในการกําหนดมาตรการชั่วคราวต่างๆ เช่น การ ปันส่วนน้ํามันเชื้อเพลิงหรือการกําหนดเวลาเปิด- ปิด สถานประกอบการต่างๆ

ปี 2522 -2523 เกิดการปฏิวัติอิหร่านขึ้น ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นถึง 250% ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนักจากการขาดแคลนน้ำมัน รัฐบาลพยายามแก้ไขโดยออกมาตรการตรึงราคาน้ํามันเพื่อชะลอการขึ้น ราคาน้ํามัน ซึ่งส่งผลให้ประเทศมีการใช้เงินตรา ต่างประเทศในการนําเข้าน้ํามันเป็นจํานวนมาก ส่งผลให้มีการขาดดุลการค้า

หลังจากนั้นรัฐบาลได้ประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 5 (พ.ศ.2525 – 2529) ได้กําหนดมาตรการต่างๆ เช่นการลดการนําเข้าน้ํามันอย่างน้อยร้อยละ 3 ต่อปี การลอยตัวราคาน้ํามันให้สะท้อนสภาวะจริง และการปลูกฝังให้ประชาชนอนุรักษ์พลังงานโดย บรรจุในหลักสูตรการศึกษาทุกระดับ ทำให้ประชาชนเกิดความตระหนักรู้ทางด้านการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่ามากขึ้น

ปี 2533 อิรักบุกคูเวต โดยซัดดัม ฮุสเซ็น เป็นผู้นำ ทั่วโลกเกิดความกังวลเรื่องพลังงาน ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเกือบ 300% ในจังหวะนี้เองที่ประเทศไทย เจอวิกฤตระลอกที่สาม จึงส่งผลให้รัฐบาลเร่งรัดให้มีการออกกฎหมายการอนุรักษ์พลังงานให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว จึงได้มี การออกร่างกฎหมายพระราชบัญญัติการส่งเสริม การอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 ในวันที่ 3 เมษายน 2535 ซึ่งออกโดยกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม

ปี 2535 พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ได้มีผลบังคับใช้ และออกกฎหมายอื่นๆ ที่ เกี่ยวข้อง ได้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และกองทุนน้ํามันเชื้อเพลิงโดยให้มีการ เก็บเงินเข้ากองทุนในรูปแบบภาษีน้ํามัน กําหนดเกณฑ์การเป็นโรงงานและอาคารควบคุม ซึ่งมีหน้าที่จะต้องจัดให้มีผู้รับผิดชอบด้านพลังงานและนําส่งข้อมูลการผลิต การใช้พลังงาน และการอนุรักษ์พลังงานให้แก่ภาครัฐ อีกทั้งก่อตั้งคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการ อนุรักษ์พลังงาน มีหน้าที่หลักในการพิจารณาการ จัดสรรเงินกองทุนฯ เพื่อดําเนินมาตรการเพื่อการ อนุรักษ์พลังงาน

ปี 2538 ได้จัดทําและดําเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงานระยะที่ 1 ปีงบประมาณ พ.ศ.2538 – 2542 โดยมุ่งเน้นในด้านการอนุรักษ์พลังงานในโรงงานและอาคารควบคุมผ่านการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ ประสิทธิภาพสูง และการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ด้านพลังงาน

แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเกิดวิกฤตการณ์ต้มยํากุ้งในปี 2540 ทําให้โรงงานและอาคารต่างๆ ไม่มีเงินทุนในการดําเนินการด้านอนุรักษ์พลังงาน ประกอบกับการขาดทรัพยากรบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการอนุรักษ์พลังงานเพียงพอ จึงทําให้การดําเนินงานสามารถประเมินผลความสําเร็จได้ยาก

ปี 2545 กำเนิดกระทรวงพลังงาน รวบรวมหน่วยงานราชการในสังกัดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงาน เข้าไว้ในกระทรวงพลังงาน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน หลังจากนั้นได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน สังกัดกระทรวงพลังงาน ดังเช่นปัจจุบัน

ปี 2548 จัดทําและดําเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงานระยะที่ 2 ปี พ.ศ.2548 – 2554 และแผนอนุรักษ์พลังงานระยะที่ 3 ปี 2550 – 2554 และจัดให้มีมาตรการสนับสนุนทางการเงินหลากรูปแบบ เช่น เงินกู้หมุนเวียนดอกเบี้ยต่ำ สิทธิประโยชน์ทางภาษี กองทุนร่วมลงทุนกับบริษัท จัดการพลังงาน (Energy Service Companies)

ปี 2550 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของวงการอนุรักษ์พลังงานอีกครั้งหนึ่ง โดยได้ปรับปรุงพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์ พลังงาน พ.ศ.2535 เป็นฉบับแก้ไข พ.ศ. 2550 โดยมีประเด็นการแก้ไขสําคัญได้แก่การกําหนดค่าประสิทธิอุปกรณ์ขั้นต่ำและขั้นสูง การกําหนดให้อาคารก่อสร้างใหม่ต้องออกแบบให้ได้มาตรฐานด้านพลังงาน อีกทั้งยังจัดให้มีการปรับปรุงระบบการจัดการพลังงานอย่างเป็นขั้นตอน (การจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอนที่พวกเราคุ้นชินกันนั่นเอง)

ปี 2554 จัดทําและดําเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี โดยตั้งเป้าหมายในการลดความเข้มการใช้พลังงานลง 25% ในปี 2573 เมื่อเทียบ กับปี 2548 หรือ เทียบเท่า การลดการใช้พลังงานขั้นสุดท้าย (final energy) ลง 20% ในปี 2573 หรือประมาณ 30,000 พันตันเทียบเท่าน้ํามันดิบ (ktoe)

และมีมาตรการทั้งภาคบังคับด้วยกฎระเบียบกับภาค การสนับสนุนและส่งเสริม โดยภาคบังคับที่ สําคัญ คือ การบังคับใช้พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 และฉบับ ปรับปรุง พ.ศ. 2550 (การตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน) อีกทั้งยังออกกําหนดมาตรฐานขั้นต่ำและฉลากประสิทธิภาพพลังงาน ส่วนภาคการสนับสนุนและส่งเสริมที่สําคัญ คือ การให้เงิน อุดหนุนเพื่อชดเชยผลประหยัดพลังงานที่ตรวจ พิสูจน์หรือประเมินได้ (Standard Offer Program หรือ SOP)

ปี 2558 จัดทําและดําเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2558 – 2579 (EEP 2015) ตั้งเป้าหมายลดความเข้มการใช้พลังงาน (Energy Intensity; EI) ลงร้อยละ 30 ในปีพ.ศ. 2579 เมื่อ เทียบกับปี พ.ศ. 2553

นอกจากนี้ยังจัดทําเป้าหมายโดยคํานึงถึงเป้าหมายภายใต้กรอบ ความร่วมมือ APEC ซึ่งมีเป้าหมายร่วมในการลด EI ลงร้อยละ 45 ในปี พ.ศ. 2578 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2548 และเน้นมาตรการบังคับใช้มาตรฐานการอนุรักษ์ พลังงานใน โรงงาน/อาคารควบคุม มาตรการ ช่วยเหลือ/อุดหนุนการดําเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานและมาตรการอนุรักษ์พลังงาน ภาคขนส่ง

ปี 2563 จัดทําและดําเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2561 – 2580 (EEP 2018) รักษาระดับเป้าหมาย การลด EI ลงร้อยละ 30 ภายในปีพ.ศ. 2580 เมื่อเทียบกับปีฐาน พ.ศ. 2553 โดยมีเป้าหมายในการลดการใช้ปริมาณ พลังงานเชิงพาณิชย์ให้ได้ทั้งสิ้น 49,064 ktoe ของปริมาณการใช้พลังงาน ขั้นสุดท้ายทั้งหมด เมื่อเทียบกับปีฐาน พ.ศ. 2553

และเพิ่มเติมมาตรการด้านนวัตกรรมเพื่อต่อยอดและ รองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และรูปแบบ การใช้พลังงาน รวมถึงการเพิ่มมาตรการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในภาคเกษตรกรรมเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย Energy for all ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ ฐานรากให้มั่นคงและยั่งยืน

สำหรับท่านใดที่อ่านมาถึงตรงนี้ ถือว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของวงการอนุรักษ์พลังงานตัวจริง

คงจะเห็นคร่าวๆ แล้วว่าวิวัฒนาการขององค์กร นโยบาย รวมถึงกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์พลังงานเป็นอย่างไร

จะได้เป็นภาพกว้างเชิง Background สามารถประหยัดเวลาในการหาข้อมูลเจาะลึกกับเนื้อหาที่ทุกท่านสนใจต่อไป

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.